ถอดบทเรียน AUDI แบรนด์ 5 ปีในไทย ที่โดนโควิดกินเวลากว่าครึ่ง
'กฤษฎา ล่ำซำ' เล่าประสบการณ์การทำแบรนด์ อาวดี้ ในช่วงเวลาสถานการณ์โควิด-19 หลังจากเริ่มสร้างแบรนด์ได้ไม่นาน
ตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน 5 ปี ในประเทศไทย ของ อาวดี้ ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ อาวดี้ อย่างเป็นทางการ แต่เพียงรายเดียวในประเทศไทย กับการเปิดตัวรถยนต์ไปแล้วกว่า 60 รุ่น ครอบคลุมทุกไลน์อัพโมเดลทั้ง รถยนต์ไฟฟ้า, รถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด, รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้นกว่า 5,000 คัน
ตัวแรง ! Audi RS 7 Sportback quattro 600 แรงม้า ค่าตัว 10.7 ล้านบาท
ผู้ผลิตรถยุโรประงับผลิต เหตุรัสเซีย-ยูเครนกระทบซัพพลายเออร์สายรัดสายไฟ
อาวดี้ เปิดตัวปลั๊กอินไฮบริด 2 รุ่น Q7-Q8 รับกระแสรถยนต์ไฟฟ้า
นาย กฤษฎา ล่ำซำ ประธานกรรมการและประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด เล่าให้ฟังถึงการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งคาบเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ถึงราว 3 ปี โดยในเวลานั้นสิ่งแรกที่ทำในฐานะที่เคยรับผิดชอบด้านการบริหารความเสี่ยง คือการ ‘ลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น’ และจากนั้นย้ายทุกอย่างไปไว้บนออนไลน์ทั้งหมด เพราะจนถึงทุกวันนี้ กำลังซื้อผู้บริโภคในกลุ่มพรีเมี่ยมยังคงมีอยู่และไม่ได้รับผลกระทบ ทำให้ตลอด 4 ปี ที่ผ่านมา อาวดี้ ประเทศไทย มีอัตราเติบโตทุกปีต่อเนื่อง
ถึงเวลานี้ นอกเหนือจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้วนั้น ยังมีสถานการณ์การล็อกดาวน์ในประเทศจีน และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งได้รับผลกระทบในแง่การผลิต ซึ่งปัจจุบันทุกบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
“ปัจจุบันกังวลเรื่องสถานการณ์เงินเฟ้อทั่วโลกโดยเฉพาะในเยอรมนีที่มีอัตราพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลต่อการปรับราคารถยนต์ในอนาคต แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าเมื่อไรและจะมีผลกระทบต่อประเทศไทยหรือไม่”
อย่างไรก็ตาม บริษัทแม่จัดอันดับให้ อาวดี้ ประเทศไทย เป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มผลงานดีเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในภูมิภาค พร้อมกันนี้จึงได้มีการทำงานร่วมกับบริษัทแม่อย่างใกล้ชิดถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการเจรจาขอโควตาการส่งมอบรถยนต์ที่สามารถยอดขายหลักให้กับประเทศไทย รวมถึงการคงไว้ซึ่งออปชั่นที่ต้องมีในรถยนต์ อาวดี้ ที่จำหน่ายในประเทศไทย
ขณะที่ มุมมองด้านนโยบานการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยในช่วงเวลานี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งตนมองในฐานะผู้นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ามาจำหน่าย ที่เห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายหลังที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนเข้ามาสู่ในตลาดนี้ ทำให้จากเดิมที่เฝ้ารอระหว่าง ไก่ กับ ไข่ อะไรเกิดก่อนกัน เปรียบเทียบกับกับ ปริมาณรถยนต์ไฟฟ้า หรือ สถานีชาร์จไฟฟ้า อะไรต้องเกิดก่อนกัน แต่ในวันนี้การพัฒนาและขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานจะต้องเร่งตามการขยายตัวของรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
สำหรับในปี 2565 แม้จะเกิดสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ยังเชื่อว่าจะสามารถมีอัตราเติบโตได้อยู่ที่ราว 10% จากปี 2564 ที่มียอดขายอยู่ที่ราว 1,300 คัน โดยในปีนี้กลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) และปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) คาดว่าจะส่งมอบได้น้อยเนื่องจากสถานการณ์ขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิตโดยเฉพาะ สายไฟ และเซมิคอนดักเตอร์
ขณะที่ แม้ว่า อาวดี้ จะมีจำหน่ายรุ่นที่เป็นพลังงานไฟฟ้าทั้ง BEV และ PHEV มากขึ้น แต่ในกลุ่มที่สร้างยอดขายหลักก็ยังคงเป็นกลุ่มเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการเปิดตัวรถในตระกูล RS เพิ่มอีก 1 รุ่นนั่นคือ AUDI RS 3 Sportback โดยถือเป็นรถในตระกูล RS รุ่นที่ 9 ของ อาวดี้ ในประเทศไทย
AUDI RS 3 Sportback เป็นรถยนต์สมรรถนะสูงขนาดเล็ก (Compact High-Performance) มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 5 สูบแถวเรียง เทอร์โบชาร์จ ขนาด 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 400 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยระยะเวลา 3.8 วินาที พร้อมเทคโนโลยี Torque Splitter ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก Audi ที่ติดตั้งมาให้ใน RS3 เป็นรุ่นแรก ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าโค้งด้วยการดริฟท์ได้ ในโหมดการขับขี่ใหม่ RS Torque Rear รวมถึงโหมดการขับขี่ RS Performance ที่สามารถตั้งค่าให้เหมาะกับการขับขี่ในสนาม เป็นต้น โดยภายในปีนี้รถยนต์รุ่นดังกล่าวมีจำนวนโควตาพร้อมส่งมอบอยู่ที่ 10 คัน มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 5.399 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดรายการส่งเสริมการขายในช่วงกลางปี ได้แก่ อัตราดอกเบี้ย 0% ทุกรุ่น (ยกเว้น RS และ EV) และรถยนต์พร้อมส่งมอบในสต๊อกกว่า 120 คัน สำหรับลูกค้าที่จองและส่งมอบภายใน 31 กรกฎาคม นี้