ตรวจเช็กรถ 6 จุด ก่อนออกเดินทางไกล แบบฉบับทำได้ด้วยตัวเอง
ช่วงเทศกาลวันหยุดยาวมีวิธีการตรวจเช็ครถยนต์ก่อนออกเดินทางซึ่งสามารถตรวจเช็กและสังเกตได้ด้วยตัวเองมาฝากกัน
ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว หลายคนอาจจะกำลังวางแผนการเดินทางด้วยรถยนต์เพื่อกลับไปหาครอบครัวอันเป็นที่รัก ไม่ว่าจะเป็น ญาติ พี่น้อง พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ที่ภูมิลำเนาจังหวัดบ้านเกิด หรือจะเป็นการวางแผนการเดินทางไกลไปกับเพื่อนๆ เพื่อพักผ่อนหย่อนใจในต่างจังหวัด ที่อาจจะต้องขับขี่รถยนต์ด้วยการเดินทางข้ามจังหวัด เราจึงมีวิธีการตรวจเช็ครถยนต์ก่อนออกเดินทางซึ่งสามารถตรวจเช็กและสังเกตได้ด้วยตัวเองมาฝากกัน 6 จุดดังนี้
สงกรานต์ 2565 ขึ้นทางด่วนฟรี 5 เส้นทาง ยาวถึง 3-7 วัน
5 วิธีแก้ง่วง ขับรถทางไกลช่วงเทศกาลสงกรานต์
1.เช็กระบบไฟส่องสว่าง
แน่นอนว่าการเดินทางไกลโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว อาจจะต้องเผื่อระยะเวลาการเดินทางหรืออาจจะเจอสภาพการจราจรติดขัดที่ไม่คาดฝันหรือควบคุมได้ ฉะนั้นการเดินทางในช่วงเช้ามืดหรือเดินทางจนตะวันตกดินมีความเป็นไปได้สูง ระบบส่องสว่างจึงมีส่วนสำคัญอย่างมากโดยสามารถตรวจสอบได้ด้วย การเช็กไฟเลี้ยวทั้งด้านหน้าและด้านหลังรวมถึงไฟฉุกเฉินว่าติดครบทุกดวงหรือไม่ อาจจะลองเปิดไฟเลี้ยวไว้แล้วเดินลงมาดูด้วยตัวเองหรือให้คนในครอบครัวช่วยสังเกตดู ซึ่งหากพบว่าหลอดไฟขาดก็เปลี่ยนใหม่ให้เรียบร้อย, เช็ก ไฟเบรก-ไฟหน้า ต้องลองหาสิ่งที่สะท้อนได้อาจจะเป็นกำแพงหรือกระจก จากนั้นถอยรถชิดให้เพียงพอที่จะสะท้อนได้แล้วลองเหยียบเบรกค้างไว้เพื่อดูการสะท้อนของไฟเบรกที่สว่างขึ้นเท่ากันหรือไม่ ซึ่งถ้าแสงสะท้อนไม่เท่ากันหมายความว่ามีข้างใดข้างหนึ่งขาดหรือเกิดความผิดปกติ
2.เช็กความดันลมยาง
ความดันลมยางที่เหมาะสมนอกจากจะในช่วยเรื่องของการประหยัดน้ำมันแล้ว ยังช่วยในเรื่องของความปลอดภัยอีกด้วย สังเกตได้ที่ด้านข้างของประตูรถที่ติดกับตัวถัง จะมีการระบุไว้เลยว่า ลมยางเท่าไรสำหรับใช้งานอย่างไร ตัวอย่างเช่น ลมยาง 32 สำหรับนั่ง 2 คน ไม่มีสัมภาระ หรือ ลมยาง 36 สำหรับนั่ง 4 คนพร้อมสัมภาระเต็มพิกัด (ลมยางดังกล่าวข้างต้นเป็นเพียงการสมมุติเท่านั้น) ซึ่ง “ความดันลมยางที่เหมาะสม” คือการคำนวณการเดินทางของตัวเราเองว่าเป็นอย่างไร ซึ่งปัจจุบันนี้ทางเลือกของ การเติมลมยางด้วยไนโตรเจน ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเนื่องจากจะช่วยลดความถี่ในการตรวจสอบลมยางให้น้อยลง
3.เช็กระดับน้ำมันเครื่อง
ลองเปิดฝากระโปรงรถยนต์ดูก่อนออกเดินทางก็ไม่เสียหายเพราะบางครั้งอาจจะมีบางอย่างที่เราอาจจะไม่คาดคิดในห้องเครื่อง โดยหลักๆ เลยคือ น้ำมันหล่อลื่น หรือ น้ำมันเครื่อง ซึ่งเป็นหัวใจของเครื่องยนต์ที่เปรียบเสมือนเลือดหล่อเลี้ยงร่างกายคนเรา ที่บริเวณห้องเครื่องยนต์จะมีก้านวัดน้ำมันเครื่องโดยอาจจะต้องดับเครื่องยนต์ไปแล้วราว 5 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลกลับเข้าอ่างน้ำมันเครื่อง โดยระดับปกติของน้ำมันเครื่องควรอยู่ระหว่างกลาง Max กับ Min โดยปริมาณน้ำมันเครื่องที่น้อยเกินไปหรือมากเกินไป อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้
4.เช็กของเหลวในระบบ
เรื่องของเหลวจำพวกน้ำต่าง ๆ ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน เช่น น้ำในหม้อน้ำหล่อเย็นซึ่งมีผลต่ออุณหภูมิของเครื่องยนต์ดังนั้นจึงเป็นส่วนสำคัญที่ควรตรวจเช็กก่อนเดินทางไกล ซึ่งเปิดฝาหม้อน้ำเพื่อตรวจเช็กแต่ต้องย้ำว่าต้องทำหลังจากดับเครื่องไว้นานพอสมควรจนทำให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนจะเปิดไม่เช่นนั้นจะเกิดอันตราย หรือ ลองดูที่ถังพักน้ำข้าง ๆ เพื่อดูระดับน้ำซึ่งไม่ควรเติมให้เกินขีด Max อีกส่วนหนึ่งคือ น้ำสำหรับฉีดกระจกปัดน้ำฝน ด้วยสภาพอากาศแปรปรวนเช่นนี้ในสภาพการใช้งานและการเดินทางจริงบนถนนอาจจะมี ฝนตก หรือ ฝุ่น หรือแมลง ทำให่ทัศนวิสัยการมองเห็นลดลง การฉีดน้ำช่วยให้ทัศนวิสัยชัดเจนมากยิ่งขึ้นจึงถือเป็นสิ่งที่ทำให้ลดความเครียดในการขับขี่จากการมองเห็นที่ชัดเจน ซึ่งน้ำสำหรับฉีดกระจกปัดน้ำฝนจึงต้องเตรียมไว้ให้พร้อมเสมอ
5.เช็กสัญญาณไฟแจ้งเตือน
รถยนต์ในยุคปัจจุบันเรียกได้ว่าแทบจะมีระบบตรวจวัดทุกอย่างเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่อยู่แล้ว ดังนั้นสตาร์ทรถยนต์ทุกครั้งเราควรจะดูสัญลักษณ์ไฟต่าง ๆ บนมาตรวันซึ่งอยู่หน้าผู้ขับขี่อยู่เสมือเพราะในบางส่วนสำคัญ ไฟต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยแจ้งเตือนในสิ่งที่เราอาจไม่สามารถตรวจเช็กได้ด้วยตัวเอง อาทิ การทำงานของระบบถุงลมนิรภัย, การทำงานของระบบควบคุมการทรงตัว หรือแม้กระทั่งข้อมูลพื้นฐานต่าง ๆ ของตัวรถที่อาจจะหลุดรอดสายตาการตรวจเช็กของเราไป การสังเกตสัญลักษณ์ไฟเหล่านี้จึงช่วยตรวจสอบซ้ำได้อีกทางหนึ่ง
6.เช็กเสียงผิดปกติ
หมั่นสังเกตเสียงผิดปกติที่ในทุก ๆ วันของการขับขี่รถยนต์ที่ใช้งานในชีวิตประจำวันของเรา แล้วก่อนที่จะเดินทางไกลอาจจะพบเสียงผิดปกติอะไรที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากเสียงที่เราได้ยินทุกวัน นั่นให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่า อาจจะมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นในรถยนต์ของเราอย่างแน่นอน อาจจะต้องหาสาเหตุของต้นตอเสียงนั่นว่าผิดปกติอย่างไร ต้องแก้ไขเร่งด่วนหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่เสียงกวนใจจากสภาพการใช้งาน ซึ่งอย่างน้อย ๆ ก็อาจจะต้องทราบไว้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนเดินทาง
ทั้งหมด 6 จุด สำหรับการตรวจเช็กรถยนต์ด้วยตัวเองสามารถทำง่ายได้ที่บ้านก่อนออกเดินทาง ไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษใด ๆ เพียงใช้การสังเกตและความคุ้นเคยในการครอบครองเป็นเจ้าของที่ขับเองทุกวันถึงความผิดปกติ และที่สำคัญก่อนเดินทางไกลเรื่องของสภาพร่างกายของผู้ขับขี่ก่อนการเดินทาง ระหว่างการเดินทาง ก็สำคัญไม่น้อยกว่าการตรวจเช็กรถยนต์เช่นกัน