ทำความรู้จัก “โรคชิคุนกุนยา” ไวรัสพาหะจาก "ยุงลาย"
ยุงลาย เป็นพาหะนำโรคชั้นดี อาทิ โรคไข้เลือกออก,โรคไข้มาลาเรีย,โรคไข้ซิกา,โรคเท้าช้าง,และโรคชิคุนกุนยา
"โรคชิคุนกุนยา" หรือ Chikungunya ที่มีอาการคล้ายไข้เลือดออกและไข้เดงกี แต่ต่างกันเพราะไม่มีการรั่วของพลาสมาออกนอกเส้นเลือด จึงไม่มีอาการหนักเทียบเท่าและไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมากจนถึงมีการช็อก
ระยะฟักตัว ทั่วไปประมาณ 1-12 วัน แต่ที่พบบ่อยประมาณ 2-3 วัน ระยะติดต่อ ระยะไข้สูงประมาณวันที่ 2 – 4 เป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือดมาก
เตือน! ไข้เลือดออก ป่วยซ้ำได้อันตรายกว่าเดิม
เตือนประชาชนระวังป่วย “โรคชิคุนกุนยา”
อาการของโรค
ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงอย่างฉับพลัน มีผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย และอาจมีอาการคันร่วมด้วย พบตาแดง แต่ไม่ค่อยพบจุดเลือดออกในตาขาว ส่วนใหญ่แล้วในเด็กจะมีอาการไม่รุนแรงเท่าในผู้ใหญ่ในผู้ใหญ่อาการที่เด่นชัดคืออาการปวดข้อ ซึ่งอาจพบข้ออักเสบได้ ส่วนใหญ่จะเป็นที่ข้อเล็ก ๆ เช่น ข้อมือ ข้อเท้า อาการปวดข้อจะพบได้หลายๆ ข้อเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ อาการจะรุนแรงมากจนบางครั้งขยับข้อไม่ได้ อาการจะหายภายใน 1-12 สัปดาห์ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดข้อเกิดขึ้นได้อีกภายใน 2-3 สัปดาห์ต่อมา และบางรายอาการปวดข้อจะอยู่ได้นานเป็นเดือนหรือเป็นปี ไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงถึงช็อก ซึ่งแตกต่างจากโรคไข้เลือดออก อาจพบ tourniquet test ให้ผลบวก และจุดเลือดออกบริเวณผิวหนังได้
เช็ก 56 โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง 2565 ก่อนลดชั้นโควิด-19
การรักษา
ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาที่จำเพาะเจาะจงสำหรับโรคชิคุนกุนยา ส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการและประคับประคอง เช่น ยาลดอาการไข้ ปวดข้อ และการพักผ่อน
การป้องกัน
- การป้องกันโรคชิคุนกุนยาที่ดีที่สุดคือ ป้องกันไม่ให้ถูกยุงลายกัด
- เก็บบ้านให้สะอาด ป้องกันไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง
- ระวังไม่ให้มีน้ำท่วมขัง เก็บเศษขยะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
- ควรให้เด็กเล็กนอนในมุ้งหรือห้องที่มีมุ้งลวดเพื่อป้องกันยุง
- ให้เด็กสวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด เช่น เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวเพื่อป้องกันยุงกัด
ขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพ
อันตรายจากการทำงานในพื้นที่อับอากาศ แนะวิธีป้องกันเหตุคาดไม่ถึง
ทำความรู้จัก "โรคเฮอร์แปงไจนา" ไวรัสที่เป็นอันตรายกับ "เด็ก" ช่วงฤดูฝน