เฝ้าระวัง 6 “โรคช่องท้อง” เร่งพบแพทย์ก่อนคุกคามหนัก
6 โรคยอดฮิตของคนเมือง ปัญหาธรรมดาที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต และถ้าหากปล่อยไว้ เรื้อรังอาจสร้างปัญหาใหญ่ได้
แผลในกระเพาะอาหาร
ส่วนใหญ่รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา รวมถึงความเครียดที่ทำให้กระเพาะอาหารมีกรดมากจนเกิดเป็นแผลในกระเพาะ บุหรี่ และแอลกอฮอล์ก็มีส่วนด้วยเช่นกัน หรืออาจเกิดจากการกินแบคทีเรียจากอาหารที่ไม่สะอาด เมื่อมีแผลในกระเพาะอาหารจะรู้สึกปวดท้องบริเวณยอดอกหรือใต้ลิ้นปี่ บางครั้งอาจคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร แม้ว่าการแก้ไขแผลในกระเพาะอาหารทำได้ด้วยการทานยาลดกรด ยาปฏิชีวนะเมื่อติดเชื้อจากแบคทีเรีย หากแผลมีขนาดใหญ่มาก แผลไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา กระเพาะอาหารทะลุจำเป็นต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัดแทน
6 โรคยอดฮิต "เด็ก" เสี่ยงเป็นมากที่สุดในหน้าฝน
กินดีรักษาง่าย 5 ธาตุอาหารที่เป็นมิตรสำหรับ“โรคไทรอยด์”
โรคกรดไหลย้อน
เป็นโรคที่เกิดจากการไหลย้อนของสารคัดหลั่งในกระเพาะอาหารไม่ว่าจะเป็นกรดหรือแก๊สกลับไปที่หลอดอาหาร ซึ่งโดยปกติร่างกายคนเราจะมีการไหลย้อนของกรดในกระเพาะอาหารขึ้นไปในหลอดอาหารอยู่บ้างโดยเฉพาะหลังรับประทานอาหาร แต่ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีปริมาณกรดที่ย้อนมากขึ้นหรือย้อนบ่อยกว่าผู้ที่ไม่เป็นโรค หรือหลอดอาหารมีความไวต่อกรดมากขึ้นแม้ว่าจะมีปริมาณกรดที่ย้อนขึ้นไปไม่มากกว่าปกติย้อน โดยจะมีอาการ ความรู้สึกแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ กลางหน้าอก ซึ่งมักเกิดหลังรับประทานอาหารเสร็จใหม่ๆ รู้สึกเปรี้ยวหรือขมในปากและคอ มีอาหารย้อนขึ้นมาในปากและคอ จุกเสียด แน่นท้องบริเวณลิ้นปี่ นอกจากนี้ยังมี อาการอื่นร่วมด้วยเช่น อาการเจ็บหน้าอก เสียงแหบเรื้อรัง เสียงเปลี่ยนไอเรื้อรัง มีกลิ่นปาก นอกจากนี้อาจทำให้เกิดโอกาสเสี่ยงในการเป็นมะเร็งหลอดอาหาร แต่ในปัจจุบันยังพบได้น้อยมาก
นิ่วในถุงน้ำดี
โดยปกติถุงน้ำดีจะทำหน้าที่เหมือนเป็นแหล่งสะสมน้ำดีที่ผลิตมาจากตับ อาทิ น้ำ คอเลสเตอรอล บิลิรูบิน เลซิติน และเกลือน้ำดี เป็นต้น ซึ่งแบ่งเป็น 2 ชนิด ประกอบด้วย โดยจะตกตะกอนผลึกเป็นก้อนมีขนาดเท่าเม็ดทราย หรืออาจจะใหญ่กว่านั้น ไปอุดตันทางเดินของท่อน้ำดี
- จากคอเลสเตอรอล (cholesterol stones) เกิดจากการมีคอเลสเตอรอลมากเกินไป ไม่สามารถขับออกมาจากถุงน้ำดีได้หมด จึงตกตะกอนกลายเป็นก้อนนิ่ว
- จากเม็ดสีหรือบิลิรูบิน (pigment stones) มักพบในผู้ป่วยโรคตับหรือผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของเลือด เช่น โรคโลหิตจาง ธาลัสซีเมีย
เกิดได้ง่ายๆ จากพฤติกรรม “การกินอาหารที่มีไขมันสูง” ทำให้เกิดความไม่สมดุลของสารเคมีในน้ำดีที่ใช้ในการย่อยไขมันเพื่อให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายโดยจะมีอาการ ปวดท้องรุนแรง บางทีอาจร้าวไปถึงหลังก็ได้ มีอาการท้องอืดแน่นท้องเหมือนอาหารไม่ย่อย บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม และอาจมีไข้ เพราะการอักเสบของถุงน้ำดี การแก้ไขที่ได้ผลดีที่สุด คือ “การผ่าตัดเอานิ่วออกจากถุงน้ำดี”
ภาวะไส้เลื่อน
เกิดจากการเคลื่อนตัวออกมาจากตำแหน่งปกติ โดยจะสังเกตอาการไส้เลื่อนได้จากก้อนที่นูนออกมาจากผิวหนัง ที่อยู่บริเวณท้องช่วงล่าง หรือขาหนีบ อย่างไรก็ตามบริเวณที่ไส้เลื่อนอาจเกิดขึ้นที่ตำแหน่งอื่น ก็ได้ทั้งบริเวณสะดือ กระบังลม เหนือสะดือ ต่ำกว่าขาหนีบ กล้ามเนื้อหน้าท้อง ในช่องเชิงกราน เป็นต้น โดยภาวะไส้เลื่อน เกิดได้หลายกรณี อาทิ ความผิดปกติของผนังช่องท้องที่อ่อนแรงมาตั้งแต่เกิด หรือเกิดจากการที่ผู้ป่วยเคยได้รับการผ่าตัดจนทำให้ผนังช่องท้องบริเวณนั้นอ่อนแอ ในบางกรณีสามารถเกิดขึ้นจากแรงดันที่มากผิดปกติในช่องท้อง เช่น ไอ-จาม ยกของหนัก ด้วยโดยจะมีอาการ ผิวหนังนูนออกมาตลอดเวลา อาจทำให้ลำไส้อุดตัน ปวดท้อง และอาเจียนรุนแรง หากปล่อยไว้นานๆ ไส้จะขาดเลือดทำให้ลำไส้เน่าได้ ดังนั้นหากพบอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์เพื่อทำการผ่าตัดแก้ไข
กันล้มกระดูกหักในผู้สูงอายุ ด้วย “วิตามินดี-แคลเซียม-7 ท่าออกกำลัง”
ไส้ติ่งอักเสบ
ภาวะดังกล่าวเกิดจากการติดเชื้อเพราะมีสิ่งแปลกปลอมอย่างก้อนเนื้องอกเข้าไปอุดตัน เพราะไส้ติ่งเป็นส่วนหนึ่งของลำไส้ใหญ่ ทำหน้าที่สร้างเชื้อจุลินทรีย์ที่ช่วยในการย่อยอาหาร และกระตุ้น ระบบย่อยอาหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยปัจจัยเสี่ยงเกิดจากการไม่กิน ผัก ผลไม้ รวมถึงการดื่มน้ำน้อยด้วย เพราะสารอาหารเหล่านี้มีหน้าที่ช่วงส่งเสริมการย่อยอาหารลดภาวะการเกิดไส้ติ่งอักเสบเมื่อเกิดการอักเสบจะมี อาการปวดท้องแต่บอกไม่ได้ว่าปวดตรงไหน ปวดไปเรื่อยๆ นานมากกว่า 6 ชั่วโมง อาการปวดจะย้ายลงไปอยู่ที่ท้องด้านขวาล่าง จะปวดเสียดตลอดเวลา มีไข้ต่ำๆ คลื่นไส้ อาเจียน บางครั้งปวดถึงขนาดไม่สามารถเดินได้ ปวดจนตัวงอ ถ้าหากปล่อยไว้ไม่รีบไปพบแพทย์ ไส้ติ่งอาจติดเชื้อ ไปจนถึงการเน่าและแตกที่จะส่งผลถึงชีวิตได้ โดยวิธีการรักษาให้หายขาดคือการเข้าสู่กระบวนการผ่าตัด
มะเร็งลำไส้ใหญ่
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่แน่ชัดแต่อาจจะมาจากการกินและสิ่งแวดล้อม โดยการรับประทานอาหารที่ให้พลังงาน ไขมันและน้ำตาลสูง โดยอาการในช่วงแรกของมะเร็งลำไส้ยังไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าเราเป็นมะเร็งลำไส้หรือเปล่า แต่เมื่อเป็นสักระยะหนึ่งอาการจะเริ่มแสดงให้ เห็นจากการขับถ่าย ที่บางครั้งมีเลือดปนมากับอุจจาระ ท้องเสียสลับกับท้องผูก ถ่ายเป็นมูกเลือดดังนั้นเมื่อพบอาการเหล่านี้ให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการเหล่านี้ หากเรารู้อาการก่อนจะช่วยจัดการได้เร็วก่อนมะเร็งจะลุกลามไปยังส่วนอื่น โรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่สามารถจัดการได้ด้วยการใช้ยาเคมีบำบัด การฉายแสง หรือการผ่าตัดเพื่อนำมะเร็ง และชิ้นเนื้อส่วนต่างๆ ที่คาดว่ามะเร็งจะแพร่กระจายมาถึงออกไป
ขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลเปาโล,กระทรวงสาธาณสุข
เช็ก 7 สัญญาณเตือน "อาการป่วยทางจิต" ที่ควรปรึกษาแพทย์
"ไข้หวัดใหญ่" ป้องกันได้ด้วยวัคซีน เปิดจุดฉีดฟรี ส.ค.นี้ เดือนสุดท้าย!