"มะเร็งปอด" ภัยร้ายคร่าชีวิตคนไทยแนะใส่ใจทั้งตัวเองและคนที่คุณรัก
"มะเร็งปอด" เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของทั้งเพศชายและเพศหญิง การตรวจคัดกรองให้พบโรคในระยะแรกทำได้ยาก แพทย์แนะปรับพฤติกรรม
"โรคมะเร็งปอด" ถือเป็น 1 ใน 5 อันดับแรกของโรคมะเร็งที่พบและเสียชีวิตมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยทั่วโลกพบว่าในผู้ป่วยมะเร็งใหม่ 12.7 ล้านคน เป็นผู้ป่วยมะเร็งปอด 1.6 ล้านคน ผู้เสียชีวิตจากมะเร็ง 7.6 ล้านคน เป็นผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปอด 1.37 ล้านคน
ขณะที่ในประเทศไทย โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ ในโรงพยาบาลกลุ่มบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS เผยข้อมูลว่า โรคมะเร็งปอดถือเป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่น่าห่วงที่สุดของประเทศไทย
สิ้น “สรพงศ์ ชาตรี” พระเอกดังตลอดกาล จากไปด้วยโรคมะเร็งปอด ในวัย 73 ปี
คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับ 2! “มะเร็งปอด” โรคร้ายที่ไม่มีสัญญาณเตือน
"ไอเรื้อรัง" ควรพบแพทย์เพราะนั่นคือสัญญาณเตือน “มะเร็งปอด”
เนื่องจากเมื่อพิจารณาจากอัตราการเสียชีวิตโดยเฉลี่ยของมะเร็งแต่ละชนิดนั้น โดยอาศัยจำนวนการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งนั้นหารด้วยจำนวนผู้ปวยโรคมะเร็งชนิดนั้น หรือค่า Mortality Incidence (MI) Ratio ซึ่งอัตราการเสียชีวิตเฉลี่ยของโรคมะเร็งปอดสูงอยู่ที่ 80% ถือเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งตับที่อยู่ประมาณ 90% ซึ่งอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปอดไม่ได้สูงแค่เฉพาะประเทศไทย แต่พบว่าในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา ก็มีอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปอดสูงเช่นกัน
แนะ “โภชนบำบัด” อาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง
"มะเร็งปอด" ไม่มีสัญญานเตือนในระยะเริ่มแรก
ขณะที่ นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า มะเร็งปอดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของคนไทย (เป็นอันดับ 2 ในผู้ชายรองจากมะเร็งตับ และ เป็นอันดับ 1 ในผู้หญิง) การตรวจคัดกรองให้พบโรคในระยะแรกทำได้ยาก และมีอัตราการตายสูง
อย่างไรก็ตามผู้ป่วยมะเร็งปอดจำนวนมาก ไม่เคยมีประวัติสูบบุหรี่ หรือ แอสเบสตอส มาก่อน ปัจจุบันยังไม่มีแนวทางการคัดกรองโรคมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า เมื่อผู้ป่วยมีอาการผิดปกติมักจะเป็นโรคในระยะที่ลุกลามไปแล้ว ทำให้การตรวจพบโรคในระยะแรกทำได้ยาก และ มีอัตราตายสูง
มะเร็งปอดเป็นโรคซึ่งมีการเจริญของเซลล์ในเนื้อเยื่อปอด อย่างควบคุมไม่ได้ การเจริญนี้นำไปสู่การแพร่กระจาย มีการรุกรานเข้าไปในเนื้อเยื่อข้างเคียงและแทรกซึมเข้าไปในอวัยวะนอกปอด มะเร็งปอดส่วนใหญ่เป็นมะเร็งชนิดเยื่อบุ คือเจริญมาจากเซลล์เนื้อเยื่อบุผิว มะเร็งปอดมักปรากฏอาการเมื่อเนื้อร้ายลุกลามเป็นวงกว้างในระยะที่ 3 – 4
อาการที่พบบ่อยที่สุดของโรคมะเร็งปอดคืออาการเหนื่อย ไอ รวมถึงไอเป็นเลือด น้ำหนักลดและหายใจลำบาก มะเร็งปอดมีอยู่ 2 ชนิดใหญ่คือ มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small cell lung cancer) พบประมาณ 15% และมะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก (Non-small cell lung cancer; NSCLC) พบได้ 85% ของมะเร็งปอดทั้งหมด โดยมะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็กมีโอกาสตรวจพบโรคในระยะต้นได้มากกว่ามะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก
ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอด
1. การสูบบุหรี่ หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีควันบุหรี่: ประมาณร้อยละ 85-90 ของผู้ป่วยมะเร็งปอดเกิดจากปัจจัยนี้
2. อายุ: ประมาณ 2 ใน 3 ของผู้ป่วยมะเร็งปอดได้รับการวินิจฉัยเมื่อมีอายุตั้งแต่ 65 ขึ้นไป (โดยเฉลี่ยประมาณ 70 ปี)
3. การสัมผัสกับก๊าซเรดอน: เรดอนเป็นธาตุกัมมันตรังสีที่เป็นก๊าซเฉื่อย สามารถพบทั่วไปในอากาศ ซึ่งอาจพบสะสมในตัวอาคารบ้านเรือน การสัมผัสก๊าซนี้เป็นสาเหตุหลักในการก่อโรคมะเร็งปอดในผู้ป่วยที่ไม่สูบบุหรี่
4. การสัมผัสสารก่อมะเร็ง: ยกตัวอย่างเช่น การหายใจเอาแร่ใยหินหรือควันจากท่อไอเสียเข้าสู่ร่างกาย การหายใจหรือบริโภคสารเคมีบางชนิด (อาเซนิค ถ่านหิน) หรือการสัมผัสสารยูเรเนียม
5. การรักษาด้วยการฉายแสงที่ทรวงอก: ยกตัวอย่างเช่น ในผู้ป่วยที่เป็นโรค Hodgkin lymphoma หรือผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดเต้านมเพื่อรักษาโรคมะเร็งเต้านม
6. บุคคลที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งปอด
7. มลภาวะทางอากาศ: ประมาณร้อยละ 5 ของผู้ป่วยมะเร็งปอดเกิดจากปัจจัยนี้
โรคมะเร็งปอดอาจตรวจพบได้จากการถ่ายภาพรังสีทรวงอก และการทำซีทีสแกน การยืนยันการวินิจฉัยทำโดยการตัดชิ้นเนื้อปอดออกมาตรวจ การตัดชิ้นเนื้อปอดส่วนใหญ่ทำโดยส่องกล้องหลอดลมเพื่อเก็บชิ้นเนื้อหรือการเจาะชิ้นเนื้อโดยใช้ผลตรวจซีทีช่วยนำทาง
- การตัดชิ้นเนื้อเพื่อวิเคราะห์ (biopsy)
- การใช้เข็มขนาดเล็กตัดชิ้นเนื้อ (fine-needle aspiration)
- การส่องกล้องตรวจภายในหลอดลม (bronchoscopy)
- การใช้เข็มเจาะช่องเยื่อหุ้มปอดแทงผ่านผนังทรวงอก (thoracentesis)
- การตรวจช่องกลางทรวงอกโดยการส่องกล้อง (mediastinoscopy)
- การตรวจช่องทรวงอกโดยการส่องกล้อง (thorocoscopy)
- การตรวจวินิจฉัยด้วยรังสี
- การตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) และการตรวจโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI): เป็นวิธีที่ช่วยให้แพทย์หาตำแหน่งและขนาดของก้อนเนื้อที่ผิดปกติในบริเวณปอดได้
- การตรวจด้วยเครื่อง PET scan (positron emission tomography scan): เป็นการฉีดโมเลกุลของสารกัมมันตภาพรังสีที่รวมกับน้ำตาลเข้าทางเส้นเลือด เซลล์มะเร็งปอดจะดูดซึมเอาน้ำตาลชนิดนี้ไว้อย่างรวดเร็วและมากกว่าเซลล์ปกติ ทำให้เกิดความแตกต่างของการเรืองแสงเฉพาะเซลล์มะเร็ง
การรักษาและพยากรณ์โรค
- การพยากรณ์โรคขึ้นกับชนิดของเนื้อเยื่อมะเร็ง ระยะของโรค ขนาดของก้อนมะเร็งและระดับความสามารถของผู้ป่วย
- การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (small cell lung cancer, SCLC)
- การรักษาด้วยเคมีบำบัดเป็นการรักษาที่จำเป็นในผู้ป่วยกลุ่มนี้ เนื่องจากการแพร่กระจายของโรคไปยังอวัยวะอื่นๆ รวดเร็วมาก
- ในผู้ป่วยที่โรคยังไม่แพร่กระจาย การรักษาด้วยเคมีบำบัดควบคู่กับการฉายแสงจะให้ผลการรักษาที่ดีกว่าการรักษาด้วยเคมีบำบัดเพียงอย่างเดียว
- การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก (non-small cell lung cancer, SCLC)
- การรักษาจะขึ้นกับชนิดของเนื้อเยื่อมะเร็ง ระยะของโรค และระดับความสามารถของผู้ป่วย
- ในผู้ป่วยที่ระยะการดำเนินไปของโรคยังไม่มากและไม่มีการแพร่กระจายของโรค การรักษามักทำโดยการผ่าตัด การฉายแสงหรือเคมีบำบัด
- ในผู้ป่วยที่มะเร็งปอดอยู่ในระยะลุกลาม มักจะได้รับการตรวจการกลายพันธุ์ของยีนร่วมด้วย โดยผู้ป่วยที่มีการกลายพันธุ์ของยีนควรได้รับการรักษาด้วยการรักษาแบบเฉพาะเจาะจง (targeted therapy) และผู้ป่วยที่ไม่พบการกลายพันธุ์ของยีนควรได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด
"SUPERFOOD" ป้องกันมะเร็ง กินได้กินดีกินได้ทุกวัน
ปัญหาคนติดสูบ! โรคมะเร็งปอด ภัยร้ายใกล้ตัว
ขอขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพ, กรมการแพทย์, กระทรวงสาธารณสุข