กินยานอนหลับบ่อยเสี่ยงดื้อยา นอนไม่หลับรุนแรง แนะวิธีหลับแบบไม่พึ่งยา
ยานอนหลับ ทางเลือกตัวช่วยในการนอนหลับของใครหลายคน ในเวลาที่ร่างกายอยากพักผ่อน แต่ต้องเผชิญกับความเครียด แรงกดดันจากการใช้ชีวิต หรืออาการที่นอนไม่หลับเรื้อรัง แต่รู้หรือไม่ ? ยานอนหลับนั้นไม่ควรกินติดต่อนานจนเกินไปไม่เช่นนั้นอาจส่งผลกับสุขภาพโดยตรง
ยานอนหลับ ปัจจุบันมีอยู่หลายชนิด ต่างก็มีสรรพคุณทำให้ผู้ป่วยนอนหลับ แต่มีโครงสร้างทางเคมีและกลไกการออกฤทธิ์ที่ต่างกัน ทำให้เกิดผลต่อคุณภาพการนอน และผลไม่พึงประสงค์ อาทิ
- คุณภาพการนอน (sleep quality) และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการนอนหลับ (sleep architecture)
- การกดการทำงานต่อระบบหายใจ
- เกิดการดื้อยา หรือ ติดยา อาการนอนไม่หลับจะเป็นรุนแรงกว่าตอนยังไม่ได้เริ่มใช้ยา (rebound insomnia)
- ผลข้างเคียง ง่วงซึม ความผิดปกติด้านความจำ
- มีอาการลืมเหตุการณ์หลังจากใช้ยาในระยะเวลาสั้นๆช่วงหนึ่ง
ความเชื่อผิด ๆ การกินยา เสี่ยงบั่นทอนสุขภาพ แนะวิธีกินยาถูกวิธี
นอนไม่หลับ! ใช้ “ยาแก้แพ้” ได้หรือไม่? รู้จักชนิดและผลข้างเคียงของยา
นอกจากนี้ในสตรีมีครรภ์อาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ ฉะนั้นในระยะครรภ์ 3 เดือนแรกจึงไม่ควรกินยานอนหลับ ขณะที่หญิงให้นมลูกอาจส่งผลต่อลูกน้อยได้ นอกจากนี้ยังอาจผลข้างเคียงอื่นๆ ที่รุนแรง ทั้งนี้ ยานอนหลับ จะยิ่งมีผลกดการทำงานของสมอง แล้วทำให้มีโอกาสขาดอากาศมากขึ้น ทาให้ระยะการหลับลึกลดลง สภาพร่างกายเสื่อมเร็วยิ่งขึ้น ส่งผลเสียต่อสมอง หัวใจ และหลายๆระบบ
ทั้งนี้การรักษาอาการนอนไม่หลับโดยการใช้ยานอนหลับ ก็อาจไม่ใช่เรื่องต้องห้ามซะทีเดียว เพียงแต่ไม่ควรใช้ยานอนหลับติดต่อกันเกิน 1-3 เดือน เพราะเมื่อหยุดยาจะทำให้การนอนหลับยากยิ่งขึ้น หากต้องการหยุดหรือปรับยานอนหลับ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง และสิ่งที่สำคัญกว่า...คือการตรวจหาสาเหตุของการนอนไม่หลับ เพื่อนำไปสู่แนวทางการรักษาที่ตรงจุด
ทั้งนี้โรคนอนไม่หลับมักมีสาเหตุมาจาก 3 ปัจจัยหลักๆ คือ
- สภาวะทางอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็น ความเครียด วิตกกังวล หรือซึมเศร้า
- ความสมดุลของฮอร์โมน เนื่องจากร่างกายมีความผิดปกติ อาจจะมีการผลิตฮอร์โมนบางชนิดมากหรือน้อยกว่าปกติ และส่งผลต่อการนอนหลับ เช่น มี DHEA หรือฮอร์โมนความสุขต่ำเกินไป, มี Cortisol หรือฮอร์โมนความเครียดสูงเกินไป
- สภาพแวดล้อมภายในห้องนอน หรือพฤติกรรมต่างๆ อย่างการชอบเล่นมือถือก่อนนอน ที่อาจจะทําให้แสงสีฟ้าเข้าไปยับยั้งการหลั่ง Melatonin ในร่างกาย ส่งผลให้เรานอนหลับได้ยากขึ้น
ยาแก้แพ้อาจไม่ใช่ทางออก!“ภูมิแพ้อากาศ” ปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกัน
รักษาอาการนอนไม่หลับแบบไม่ใช้ยานอนหลับ
- ปรับพฤติกรรมควบคู่ไปกับการปรับเรื่องฮอร์โมนในรายที่มีความผิดปกติ
- ระดับฮอร์โมนขาดความสมดุลเพราะเกิดจากความอ้วน ก็ต้องมาดูเรื่องการคุมน้ำหนัก
- ระดับอินซูลิน เรื่องการคุมอาหาร ซึ่งในเรื่องของอาหารนั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะสามารถส่งผลต่อคุณภาพการนอนได้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว
- เว้นการทานอาหารอย่างน้อย 3 ชั่วโมง งดชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน อย่างน้อย 6 ชั่วโมง ก่อนเข้านอน
- งดอาหารรสจัด เพราะจะกระตุ้นการหลั่งของสารสื่อประสาทที่ทําให้เราตื่นตัว และนอนหลับยากมากขึ้น
- ควรงดออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
- การรักษาสมดุลฮอร์โมน DHEA ที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เองจากการใช้สมาธิ อย่าง การสวดมนต์ อ่านหนังสือ หรือฟังเพลงเบาๆ
- ควรปรับไฟ ปรับอุณหภูมิในห้องให้เหมาะกับการนอน คือ ไม่เกิน 27 องศาเซลเซียส
- ใช้กลิ่นสารสกัดจากธรรมชาติมาเป็นตัวช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย
- ไม่ควรปล่อยให้สมองอยู่ในภาวะเครียดช่วงก่อนเข้านอน
ทั้งนี้หากปรับพฤติกรรมแล้ว ยังมีอาการนอนไม่หลับอยู่ ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาอย่างตรงจุด โดยไม่ต้องพึ่งยานอนหลับเพราะหากร่างกายได้รับยานอนหลับมากเกินไปอาจส่งผลต่อร่างกายโดยตรง ทั้งนี้การกินยาทุกชนิดควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ ไม่ซื้อยากินเองเด็ดขาด
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท,โรงพยาบาลกรุงเทพ และ วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย
เรื่องต้องห้ามก่อนเข้านอน เพื่อคุณภาพการนอนที่ดี ตื่นมาสดชื่น!
นอนไม่หลับแบบไหนควรพบจิตแพทย์ คลายความกังวลใจลดความเครียดเรื้อรัง