สัญญาณ “โรคไฮโปไทรอยด์”อ้วนง่ายลดไม่ได้ เกิดจากอะไร รักษาได้หรือไม่ ?
โรคไฮโปไทรอยด์ หรือ ไทรอยด์ชนิดอ้วน โรคที่ผู้หญิงมีความเสี่ยงเยอะกว่าผู้ชาย อ้วนง่าย ลดไม่ลง ขี้หนาว คือสัญญาณเสี่ยงโรค
คุณ อมิตา ทาทา ยัง ซุปเปอร์สตาร์มากความสามารถ เจ้าของฉายา “สาวน้อยมหัศจรรย์” ปัจจุบันก็ยังเป็น “คุณแม่มหัศจรรย์” กับการเผชิญกับปัญหาสุขภาพ "โรคไฮโปไทรอยด์" เนื่องจากการทำงานหนัก พร้อมบอกเล่าประสบการณ์ดังกล่าวว่า ด้วยตนเองเป็นคนสังเกตตัวเองเยอะเพราะเป็นคุณแม่แล้วจึงต้องระวังเป็นพิเศษ ในช่วงแรกก่อนที่จะรู้ตัวว่าเป็นโรคไทรอยด์นั้น มีอาการเพียงอย่างเดียว
Rise & Shine ชีวิตดีเริ่มที่ตัวเรา ซีซั่น 2 EP.11 | ตอน "ทาทา ยัง" | 4 ก.พ.66 '
เช็ก 10 อาการเตือน “ไทรอยด์” รู้ทันรักษาได้ ก่อนเสี่ยงหัวใจล้มเหลว
น้ำหนักขึ้นตลอดในช่วงแรก เหมือนแค่จิบน้ำ ก็อ้วนแล้วโดยไม่มีสาเหตุทำยังไงก็ไม่ลง เอาลงได้ไม่กี่วันก็จะบวมกลับมาอีก
นอกจากเรื่องของน้ำหนักตัว และเริ่มเข้ารู้กระบวนการรักษาและมีการปรับยา อารมณ์จะแปรปรวนนิดหน่อย เนื่องจากที่ค่าตัวไทรอยด์ไม่ได้สูงเกินไป โดยการรักษาส่วนตัว คุณหมอให้ทานยาและทำใจ เนื่องจากตนเองเชื่อว่าผู้หญิงไม่อยากเป็น เพราะในตอนที่เป็นตนเองพังไปเลยเหมือนกัน เนื่องจากอาชีพนี้ยังต้องใช้หน้าตาและหุ่น ซึ่งตนเองเคยโดนบูลลี่ในเรื่องดังกล่าวและที่สำคัญต้องเชื่อในการรักษา อย่างไรก็ตาม คุณทาทา ยัง ยังระบุต่อว่า ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วไม่ต้องกินยาแล้ว ซึ่งไม่คิดเสียดายเวลาที่เสียไป เพราะสิ่งสำคัญสุดคือตัวเอง ที่ต้องดูแลให้ดี หลายอย่างซื้อได้ แต่ สุขภาพซื้อไม่ได้
ด้าน นายแพทย์ธนเดช วงศ์จารุกร ศัลยแพทย์ ชำนาญด้านผ่าตัดผ่านกล้อง โรงพยาบาลเปาโล เกษตร ได้อธิบายถึงโรคไฮโปไทรอยด์ ว่าเป็นการที่ต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำกว่าปกติ เกิดจากการสร้างฮอร์โมนผิดปกติ โดยสาเหตุส่วนใหญ่จะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย'
ไทรอยด์อ้วน-ผอม ต่างกันอย่างไร ? เช็กสัญญาณโรคไทรอยด์
“ไทรอยด์เป็นพิษ” ส่งผลต่อร่างกายทั้งระบบ เสี่ยงหัวใจวาย-สูญเสียการมองเห็น
โรคไฮโปไทรอยด์หรือไทรอยด์ชนิดอ้วนเกิดจาก ?
- การที่ภูมิคุ้มกันร่างกายเข้าทำร้ายร่างกายของตัวเอง (โรคออโตอิมมูน)ที่มีผลต่อต่อมไทรอยด์ ทำให้ไทรอยด์อักเสบ
- อาหารและยาปัจจุบันก็พบได้แต่ไม่มาก อาทิ การขาดสารไอโอดีน ที่ปัจจุบันมียาเสริมไอโอดีนที่เป็นสารตั้งต้นที่จะไปผลิตเป็นตัวไทรอยด์ฮอร์โมน
อาการ โรคไฮโปไทรอยด์
- น้ำหนักขึ้น น้ำหนักเกิน ภาวะอ้วน
- ผิวหนังแห้ง ผิวหนังอักเสบ
- ผมหรือคิ้วร่วง
- ท้องผูก
- ขี้หนาว
- ซึมเศร้า
- คิดอ่านช้าลง
- เสียงแหบ
การรักษาไทรอยด์
ปัจจุบันมีการรักษาแบบใช้ยาเป็นหลัก การผ่าตัดเป็นทางเลือกสุดท้ายจะทำก็ต่อเมื่อ เจอก้อนที่ผิดปกติในต่อมไทรอยด์ ซึ่งสามารถเลือก การผ่าตัดไทรอยด์ส่องกล้องทางช่องปากโดยไร้แผลเป็น(Transoral Endoscopic Thyroidectomy Vestibular Approach; TOETVA แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดสามารถทำหัตถการได้สะดวกและง่ายขึ้นจากการส่องกล้อง อีกทั้งยังลดระยะเวลาการผ่าตัดและทำให้คนไข้เจ็บปวดน้อยและฟื้นตัวเร็ว
เงื่อนไขการรักษาไทรอยด์
- ขนาดก้อนไทรอยด์ มีขนาดไม่เกิน 4 – 6 เซนติเมตร
- ไม่ใช่มะเร็งไทรอยด์
- ผู้ป่วยไม่เคยรับการผ่าตัดที่บริเวณคอหรือคางมาก่อน
- ผู้ป่วยไม่เคยรับการฉายแสงบริเวณคอมาก่อน
- ผู้ป่วยไม่มีข้อห้ามในการดมยาสลบเพื่อผ่าตัด
ดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด
- แพทย์จะทำการใส่ผ้าก๊อซกดใต้คางประมาณ 2 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดคั่ง
- ผู้ป่วยอาจรู้สึกติด ๆ ขัด ๆ ตึง ๆ คล้ายมีสิ่งแปลกปลอมบริเวณคอหรือมีเสียงเปลี่ยนได้ ซึ่งอาการดังกล่าวมักจะหายไปภายใน 1 สัปดาห์
- ผู้ป่วยจะได้รับยาปฏิชีวนะและควรจะรับประทานยาดังกล่าวให้หมด ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอลเมื่อจำเป็นได้ และจะมีสายให้น้ำเกลือติดอยู่ที่แขน เมื่อผู้ป่วยรับประทานได้ดีพอควร แพทย์จะเอาสายให้น้ำเกลือออก
- ควรหลีกเลี่ยงการขากเสมหะแรง ๆ
- งดการออกแรงมาก การเล่นกีฬาที่หักโหม หรือยกของหนักหลังผ่าตัดภายใน 7 วันแรก เพราะอาจทำให้แผลผ่าตัดแยกออกได้
- ควรรับประทานอาหารอ่อน อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- การรักษาขั้นตอนต่อไปขึ้นอยู่กับผลการตรวจชิ้นเนื้อ ซึ่งพยาธิแพทย์จะรายงานให้แพทย์ที่ทำการผ่าตัดทราบภายใน 3 – 5 วัน
หลังจากทำการรักษาต้องติดตามตัวเองหากมีระดับฮอร์โมนที่สูงอยู่ก็จะมีอาการ ท้องเสีย เหงือแตก ออกง่าย ขี้ร้อนขี้หงุดหงิดสมาธิสั้น ใจสั่น สิ่งสำคัญต้องกินยาต่อเนื่องและดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญด้วย ทั้งนี้หากสงสัยและความเสี่ยงให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยโรคและทำการรักษาอย่างถูกต้อง
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพ และ โรงพยาบาลเปาโล
โรคไทรอยด์ 4 เรื่องควรรู้ อัตราเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายหลายเท่า
ทางเลือกรักษา ผ่าตัดไทรอยด์แบบส่องกล้องทางช่องปาก ไร้แผลหายขาดได้