เข้าใจก่อนเทส การตรวจหาภูมิคุ้มกันติดเชื้อโควิด-19
ทำความเข้าใจก่อนตรวจหาภูมิคุ้มกันการติดเชื้อโควิด-19 ควรตรวจเมื่อไหร่และเหมาะกับใครบ้าง
การตรวจหาภูมิคุ้มกันการติดเชื้อไวรัส COVID-19 (Covid-19 Antibody Level Test) เป็นการตรวจเลือด เพื่อหาปริมาณภูมิต้านทานต่อเชื้อโควิด-19 ชนิด IgG,IgM (Total antibody) ในร่างกายที่มีต่อเชื้อ SARS-CoV2 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่เชื้อโควิด-19 จะเข้าสู่เซลล์ในร่างกาย การตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19 ยังเป็นส่วนหนึ่งในการทดสอบระบบภูมิคุ้มกัน (Antibody) หลังการรับวัคซีนโควิด-19 ได้อีกด้วย ซึ่งเมื่อภูมิคุ้มกันอยู่ในระดับที่ดี จะสามารถป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงจากเชื้อไวรัสตัวนั้นได้
แนะวิธีกักตัวอย่างไร? เมื่ออาศัยบ้านเดียวกับผู้ป่วยโควิด-19 โดยไม่มีห้องแยก
ไขข้อสงสัย ผู้ป่วยมะเร็งควรฉีดวัคซีนโควิด-19อย่างไร
การตรวจหาภูมิคุ้มกันการติดเชื้อ โควิด-19 เหมาะกับใคร
ผู้ที่ต้องการทราบระดับภูมิตอบสนองต่อการฉีดวัคซีนหรือหลังติดเชื้อ
ผู้ที่ต้องการทราบความสามารถของภูมิต้านทาน (Neutralization) ต่อเชื้อไวรัสโควิด-19
การตรวจหาภูมิคุ้มกันการติดเชื้อโควิด-19 มี 2 ประเภท
การตรวจ Binding antibody (Bab) ซึ่งเป็นแอนติบอดีที่ร่างกายสร้างขึ้นจากการได้รับเชื้อ หรือการได้รับวัคซีน โดยจะมีปฏิกิริยาจับกันอย่างจำเพาะระหว่างแอนติบอดีกับแอนติเจนของเชื้อ ทำหน้าที่กระตุ้นระบบภูมิต้านทานให้มากำจัดไวรัส เช่น เม็ดเลือดขาว แต่ไม่สามารถยับยั้งการเข้าเซลล์และการเพิ่มจำนวนของไวรัส ซึ่งการตรวจแบบนี้จะแบ่งชุดตรวจแอนติบอดีออกได้เป็น 3 ชนิด คือ
- Rapid antibody test ที่เรียกว่า ชุดตรวจหาแอนติบอดีแบบรวดเร็ว
- Enzyme Linked Immunosorbent Assay (ELISA)
- Chemiluminescence immunoassay (CLIA)
การตรวจวัดระดับภูมิต้านทานการติดเชื้อโควิด-19 (SARS-CoV Neutralizing Antibody (Nab)) เป็นการตรวจภูมิคุ้มกันแบบรวมชนิด (total antibody) ที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเข้าเซลล์ของไวรัส ดังนั้นจึงเป็นวิธีที่ซับซ้อน และต้องใช้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการเพาะเลี้ยงเซลล์และไวรัส แต่เป็นวิธีที่เหมาะสมและถือเป็นวิธีมาตรฐานในการทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีน เนื่องจากสามารถบ่งชี้ว่าผู้รับวัคซีนมีภูมิคุ้มกันป้องกันการติดเชื้อ SARS-CoV-2 หรือไม่? อีกทั้งยังได้มาตรฐานรับรองจากทางอย. และ US-FDA โดยระยะเวลาการรอผลตรวจจะอยู่ที่ประมาณ 3 วันทำการ
โดยทั่วไปภูมิคุ้มกันในผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นจนตรวจวัดได้หลังจากผู้ป่วยมีอาการแล้วนาน 5-7 วัน หรือนานกว่านั้น แต่สำหรับเชื้อ SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นเชื้ออุบัติใหม่ ข้อมูลการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ SARSCoV-2 ระยะเวลาที่ระดับแอนติบอดีจะเพิ่มขึ้นหลังผู้ป่วยติดเชื้อ ยังมีข้อมูลอยู่อย่างจำกัด ซึ่งจากข้อมูลเท่าที่มีอยู่ในขณะนี้คือ ผู้ป่วยส่วนใหญ่เริ่มมีภูมิคุ้มกันที่ตรวจวัดได้ตั้งแต่ 10-21 วัน นับจากวันที่แสดงอาการ ในผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย (mild cases) อาจตรวจพบได้หลังจากมีอาการ 3 สัปดาห์ แต่ในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนมาแล้ว แนะนำควรเจาะเลือดตรวจภูมิตอบสนองหลังฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว 14-28 วัน แต่ไม่ควรนานเกิน 3 เดือน
อากาศร้อนจัด-ดื่มน้ำน้อย ทำผู้สูงอายุเสี่ยงภาวะขาดน้ำ
เภสัช จุฬาฯพัฒนา“น้ำกระสายยาฟาวิพิราเวียร์”สำหรับเด็ก รสหวาน-เก็บได้นาน
ขอบคุณข้อมูลสุขภาพ โรงพยาบาลพญาไท 2