เปิดวิธีปฏิบัติเมื่อ "เด็ก" ป่วยโควิด-19 ยาบรรเทาอาการระหว่างรอรักษา
เปิดวิธีปฏิบัติของผู้ปกครอง การกักตัวเด็ก ยาบรรเทาอาการเมื่อเด็กติดเชื้อโควิด-19
หลังจากเทศกาลหยุดยาวอาจส่งผลให้ยอดผู้ป่วยโควิด-19 พุ่งสูงขึ้น ในจำนวนนี้คือเด็กเล็กที่อาจได้รับเชื้อจากผู้ปกครอง โดยตามปกติอาการของเด็กที่ติดเชื้อจะมีไข้อยู่ประมาณ 5 วัน แต่ต้องสังเกตอาการถึง 10 วัน และติดตามอาการต่อจนครบ 14 วัน โดยจากข้อมูลเชื้อโอมิครอนในเด็กส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อยเหมือนเป็นไข้หวัด
สำหรับวิธีการดูแลเด็ก นอกจากทางกายแล้วเรายังต้องใส่ใจเขาเป็นพิเศษอีกด้วย
ผู้ประกันตนต้องรู้! “ป่วยโควิด-กักตัว” ขอรับเงินทดแทนขาดรายได้อย่างไร?
ไขข้อสงสัย ผู้ป่วยมะเร็งควรฉีดวัคซีนโควิด-19อย่างไร
อาการของผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อโควิด-19
เด็กมีอาการได้ตั้งแต่ไข้หวัด ไปจนถึงปอดอักเสบ ซึ่งมีอาการแสดง ดังนี้
- ไข้ บางรายไข้สูงได้ถึง 39-40 องศาเซลเซียส
- น้ำมูก ไอ เจ็บคอ
- หายใจเสียงดัง กล่องเสียงบวม
- หายใจเร็ว หอบเหนื่อย อกบุ๋ม ปอดมีเสียงหวี๊ด
ทำอย่างไรหากลูกของคุณป่วย?
- หากลูกของคุณมีอาการบ่งชี้ของโรคโควิด-19 ให้พบแพทย์ทันทีที่เริ่มมีอาการ แม้ว่าจะมีอาการเพียงเล็กน้อยก็ตาม
- หากแพทย์แจ้งว่าสามารถรักษาตัวที่บ้านได้ ให้เลือกผู้ที่มีหน้าที่ดูแลเด็กเพียงคนเดียวเท่านั้น เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้ที่อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูง ผู้ดูแลควรมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว และได้รับวัคซีนแล้ว หากไม่สามารถแยกเด็กและผู้ดูแลออกจากสมาชิกครอบครัวที่เหลือ ขอให้แยกสมาชิกครอบครัวที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงที่อาจป่วยหนักหากได้รับเชื้อโควิด-19 ออกจากเด็กและผู้ดูแลแทน
- ห้ามกักตัวเด็กเพียงลำพัง
- ควรพูดคุยกับลูกหลานของท่านเกี่ยวกับโรคโควิด-19 และอธิบายถึงสาเหตุที่จำเป็นต้องมีการเว้นระยะห่างจากสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวเป็นระยะเวลาหนึ่ง
- ผู้ดูแลและเด็กที่อายุ 6 ขวบขึ้นไป ควรจะใส่หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่พอดีกับใบหน้าเมื่อต้องอยู่ใกล้ชิดกัน
- หมั่นล้างมือเป็นประจำ ด้วยสบู่และน้ำหรือแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ
- ทำให้ลูกๆ รู้สึกมั่นใจว่าคุณจะดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี และถ้าพักผ่อนเพียงพอ พวกเขาจะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ
หมั่นสังเกตอาการ
หากเด็กมีอาการทรุดลง เช่น ข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียสขึ้นไป ภายใน 24 ชั่วโมง ซึม หายใจเร็ว มีระดับออกซิเจนที่ปลายนิ้วน้อยกว่า 96%, ทารกไม่ยอมดูดนมแม่ มีอาการเพ้อและสับสน ไม่ยอมรับประทานอาหาร หรือใบหน้าและริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ แนะนำให้เข้ารับการรักษาโดยเร่งด่วน
ข้อแนะนำในการให้นม
แม้ลูกของคุณจะป่วยจากโรคโควิด -19 หรือจากโรคอื่นๆ ก็ตาม คุณยังสามารถให้นมต่อไปได้ เนื่องจากนมแม่มีประโยชน์และช่วยบำรุงร่างกายทารก การดื่มนมแม่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของทารกได้ และสารภูมิต้านทานที่อยู่ในนมแม่จะถูกส่งผ่านถึงทารกและทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรค
สำหรับการรักษาแบบแยกกักตัวที่บ้าน สำหรับเด็กติดเชื้อโควิด-19
โดยกรณีเด็กติดเชื้อ แพทย์จะมีการพิจารณาอาการก่อนถึงรับเข้ารักษาแบบ Home Isolation
- ผู้ป่วยที่ลงทะเบียนในระบบ 1330
- ผู้ป่วยที่มารับการรักษาที่ ARI Clinic โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณา
- ผู้ป่วยที่รับการรักษาตัวในโรงพยาบาลแล้วอาการดีขึ้น แต่ต้องติดตามอาการต่อเนื่องแบบแยกกักตัวที่บ้าน
เกณฑ์การเข้ารับผู้ป่วยเด็กสู่ Home Isolation มีรายละเอียดดังนี้
- อายุเกิน 1 ปี
- น้ำหนักตัว/ความสูง มากกว่า 160 ในเด็ก (ไม่มีภาวะโรคอ้วน)
- ไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส (อยู่ในดุลพินิจของแพทย์)
- ไม่มีโรคประจำตัวที่เสี่ยง เช่น หอบหืด, โรคปอดเรื้อรัง, โรคหัวใจ, ลงชักรุนแรง, สมองพิการ, ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- มีพื้นที่กักตัวแยกห้องน้ำแยกจากผู้ไม่ติดเชื้อ
- มีผู้ดูแล
- อาศัยในเขตกรุงเทพฯ
กินยาอะไรได้บ้างในระหว่างรอเตียงเพื่อรักษา
ยาลดไข้ พาราเซตามอล 10-15 มก.ต่อน้ำหนักตัว
หากเด็กน้ำหนัก 10 กิโลกรัม กินพาราแบบ 60 mg / 0.6 ml
กินครั้งครั้งละ 1 mg ทุก 4-6 ชั่วโมงไม่เกิน 5 ครั้ง
ยาแก้ไอละลายเสมหะ Carbocysteine 100 mg / 5 ml
อายุต่ำกว่า 5 ปี 1 ช้อนชา 1-2 ครั้ง
อายุ 5 ปี ขึ้นไป 1 ช้อนชา 3 เวลา
ยาแก้อาเจียน Domperidone 5 mg / 5 ml
น้ำหนัก 10 กิโลกรัม กิน 2.5 ml วันละ 3 ครั้ง
เกลือแร่ ORS
จิบบ่อยๆ เมื่อท้องเสีย หากถ่ายมากเปลี่ยนนมเป็นสูตร Lactose free
ยาลดน้ำมูก แนะนำในเด็กอายุมากกว่า 2 ขวบ
Chlorpheniramine 2 mg / 5 ml (ยาแก้แพ้เม็ดสีเหลือง)
อายุ 2-6 ปี กิน 1/2 ช้อนชา วันละ 3 เวลา
อายุ 6-12 ปี กิน 1 ช้อนชา วันละ 3 เวลา
การทำความสะอาดและฆ่าเชื้อภายในบ้าน (Clean and Disinfected your Home)
ใช้สบู่กับน้ำสะอาด หรือแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ไม่ต่ำกว่า 70% หรือน้ำยาที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้ เช่น น้ำยาซักผ้าขาวที่มีส่วนผสมของ Sodium Hypochlorite โดยผสมกับน้ำในอัตราส่วนที่ถูกต้อง เช็ดทำความสะอาดบริเวณดังต่อไปนี้
พื้นผิวบริเวณที่มีการใช้ร่วมกันทุกวันและบริเวณที่มีการสัมผัสบ่อย เช่น ผ้าปูโต๊ะ ลูกบิดประตู มือจับประตู เก้าอี้ สวิตช์ไฟ รีโมทคอนโทรล เครื่องใช้ไฟฟ้า หน้าต่าง โต๊ะ ห้องน้ำ อ่างล้างมือ เป็นต้น
บริเวณที่สกปรกได้ง่าย เช่น โต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อม โต๊ะอาหาร
พื้นผิวบริเวณที่เด็กสัมผัสบ่อยๆ เช่น ขอบเตียงนอน โต๊ะวางของเล่น หรือของเล่นต่างๆ โดยเฉพาะของเล่นเด็กชนิดที่เด็กอาจหยิบใส่ปากได้ ให้ทำความสะอาดโดยใช้สบู่และน้ำสะอาด และระวังอย่าให้มีคราบสบู่ตกค้าง
ในกรณีที่จำเป็นจะต้องดูแลเด็กที่ติดเชื้อโควิด-19 ให้พ่อแม่ผู้ปกครองล้างมือทุกครั้งหลังจับต้องสิ่งของและของเล่นที่เด็กใช้ รวมถึงหลังเปลี่ยนผ้าอ้อมหรือผ้าปูเตียงเด็ก เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อ และควรรักษาระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ
ขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก unicef, โรงพยาบาลเปาโล