แนะวิธีฟื้นฟู เมื่อ WORK FROM HOME ไม่เวิร์คกับสุขภาพจิต
WFH นานทำให้เบื่อหน่าย หดหู่ แนะวิธีฟื้นฟูสุขภาพจิตใจและร่างกายก่อนหมดไฟ
ตอนเริ่ม WORK FROM HOME ใหม่ๆ เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงรู้สึกว่าชีวิตดี ไม่ต้องตื่นแต่ตี 3 ตี 4 ไม่ต้องเผชิญกับสภาวะจราจรติดขัด ไม่ต้องรีบเร่งให้ทันกับรถสาธารณะในแต่ละวัน แต่พอเริ่ม WFH นานเข้า ก็ดันเกิดความเหงา เบื่อหน่าย กลายเป็นความหดหู่ ซึ่งหลังเทศกาลหยุดยาวหลังสงกรานต์หลายบริษัทหลายแห่งให้มีการ WFH ทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายยิ่งกว่าเดิม แต่บอกเลยว่าคุณไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ และก่อนที่หมดไฟในชีวิต เรามาฟื้นฟูสุขภาพจิต ฟื้นความฟิตในการทำงานกัน
กรมอนามัยแนะ 6 วิธี ทำงานให้ปลอดภัยจากโควิด-19
ฟิตร่างกายสู้โควิด-19 ขยับวันละนิดห่างไกลโรค
1.จัดตารางชีวิต
ไหนใครที่ทำงานที่บ้านแล้วกลับรู้สึกว่าเครียดกว่าการทำงานที่ออฟฟิศบ้าง งานติดพันไม่ได้ขยับไปไหน บางคนถึงขั้นลืมกินข้าว ลืมเวลาเลิกงานไปเลยก็มี ถ้าคุณกำลังเป็นแบบนี้ บอกเลยว่าหยุด! ตั้งสติใหม่ จัดตารางชีวิตที่ต้องทำในแต่ละวัน อย่าชดเชยเวลาที่เคยใช้ในการเดินทางไปกับการทำงานจนเกินพอดี แยกแยะเวลาส่วนตัว กับเวลาในการทำงานให้ชัด วางแพลนงานที่ต้องทำก่อนเริ่มงานในแต่ละวัน เพียงเท่านี้ชีวิตคุณก็จะบาลานซ์มากขึ้น
2.เพิ่มลิมิตการสื่อสาร
เพราะการ WFH ทำให้เราได้พบปะพูดคุยกับคนอื่นน้อยลง มี Social Isolation หรือความโดดเดี่ยวทางสังคมมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ ฉะนั้นแม้ตัวไกล แต่เราก็ยังก็ใกล้ชิดกันได้ผ่านเทคโนโลยี ที่นอกจากจะช่วยให้คลายเหงาแล้ว ยังช่วยให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เกิดความเข้าใจกันในการทำงานมากขึ้นด้วยนะ และก็ไม่ใช่แค่การทำงาน ลองติดต่อสื่อสารไปหาเพื่อนสนิท คนรู้ใจ หรือผู้ใหญ่ที่เคารพผ่านการ VDO Call ดูบ้าง ชีวิตจะได้มีสีสันในวันที่สังคมต้องแยกตัว
3.หลีกเลี่ยงการทำงานในห้องนอน
ห้องนอนควรเป็นสถานที่ที่เป็นส่วนตัว และมีบรรยากาศที่เหมาะสมกับการพักผ่อน ถ้าเป็นไปได้ไม่แนะนำให้เอางานไปทำในห้องนอน เพราะอาจทำให้คุณคิดวกวนอยู่แต่กับเรื่องงาน จนพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือพักผ่อนได้อย่างไม่มีคุณภาพ แต่ถ้าอยู่คอนโด หรือบ้านมีพื้นที่จำกัดจริงๆ แล้วละก็ แนะนำให้จัดมุมทำงานให้ชัดเจน ไม่เอางานไปทำบนเตียงนอน เพื่อให้สมองรับรู้และแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องการพักผ่อนออกจากกัน
4.เพิ่มเวลาออกกำลังกาย
พอฟิตเนสปิดหลายคนก็พาลมีข้ออ้างที่จะไม่ออกกำลังกายซะอย่างนั้น ทั้งที่เครื่องออกกำลังกายที่บ้านก็มี แต่ดันต้องรับหน้าที่เสริมเป็นราวตากผ้าแบบงงๆ ทำงานเครียดมาทั้งวันแล้ว ปิดคอม เก็บคอมให้ห่างตาสักพัก แล้วมาเสียเหงื่อกันดีกว่า ถ้าออกกำลังกายคนเดียวแล้วมันไม่มีชีวิตชีวา ก็ลองชวนเพื่อนมา conference ออกกำลังกายไปพร้อมกัน โยคะไป เต้นไป คุยไป ได้อัพเดทเรื่องราวใหม่ๆ พร้อมเบิร์นแคล
5.ผ่อนคลายด้วยกิจกรรมที่รัก
เดินชมนกชมไม้ อ่านหนังสือ ทำอาหาร เล่นดนตรี ฟังเพลง ดูซีรีส์ ชอบอะไรทำอย่างนั้น ชอบหลายอย่างก็ทำวนๆ ไป เพราะกิจกรรมอะไรก็ตามที่ช่วยให้ผ่อนคลายล้วนทำให้สุขภาพจิตดีทั้งนั้น เวลาที่คิดงานไม่ออก หากเรายิ่งนั่งจมปลักและพยายามคิดก็จะยิ่งคิดไม่ออกใช่ไหมล่ะ ลองพักสักแปป แล้วทำกิจกรรมอย่างอื่นที่ทำให้สมองไม่ต้องคิดอะไรดู บางทีไอเดียดีๆ ก็มักจะมาในช่วงเวลาที่ไม่คิดอะไรนี่แหล่ะ แถมเผลอๆ ไอเดียพุ่งปี๊ดงานเสร็จแบบติดสปีดไม่ทันได้ตั้งตัว
6.นักจิตบำบัดช่วยได้
ก็ถ้าลองมาทุกทางแล้วมันยังไม่ดี แนะนำว่าให้ลองหาคนรับฟังดู คนที่จะไม่เอาเรื่องเราไปบอกใคร คนที่เราสามารถพูดได้ทุกเรื่องแบบไม่ต้องอาย คนที่จะพร้อมให้คำปรึกษาและช่วยหาทางออกอย่างมืออาชีพ การปรึกษานักจิตวิทยา ไม่ได้หมายความว่าคุณผิดปกติ นักจิตวิทยาเป็นเพียงคนที่พร้อมจะฟังและแนะนำทางออกอย่างมีสติ เติมชีวิตที่ห่อเหี่ยวของคุณให้กลับมาสดใส มีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อใดก็ตามที่คุณเริ่มรู้สึกว่ามันหนักเกินจะรับไหว Professional Help ช่วยได้
ขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก โรงพยาบาลพญาไท