โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน หนึ่งในกลุ่ม NCDs ตัวร้ายอันตรายถึงชีวิต
โรคหลอดเลือดหัวใจเป็นหนึ่งในกลุ่มโรค NCDs หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่ลดทอนคุณภาพชีวิตและบั่นทอนสุขภาพ
กลุ่มโรค NCDs (Non-Communicable diseases) หรือ ชื่อภาษาไทยเรียกว่า กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง นั้นเป็นชื่อเรียก กลุ่มโรคที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค ไม่สามารถติดต่อได้ผ่านการสัมผัส คลุกคลี หรือ ติดต่อ ผ่านตัวนำโรค (พาหะ) หรือสารคัดหลั่งต่างๆ หากแต่เกิดจากปัจจัยต่างๆ ภายในร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากไลฟ์สไตล์วิธีการใช้ชีวิต ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอย่าง เหล้า บุหรี่ ขาดการออกกำลังกาย อาหารหวานมันเค็มจัด และมีความเครียด ซึ่งโรคหลอดเลือดหัวใจเป็นหนึ่งในกลุ่มโรคนี้
รอบรู้เรื่องโรคเบาหวาน หนึ่งในกลุ่ม NCDs ลดคุณภาพชีวิต
"โรคหลอดเลือดสมอง" อันตรายถึงชีวิต ไม่ว่าวัยใดก็เป็นได้
โรคหัวใจ (Heart Attack) ติดอันดับ 1 ใน 3 โรคที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุดมาตลอด ปัจจุบันก็มีแนวโน้มสถิติเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือตัน เป็นเพราะรูปแบบการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป เต็มไปด้วยความเร่งรีบและตึงเครียด การบริโภคที่เปลี่ยนไป ด้วยอาหารที่มีไขมันและคาร์โบไฮเดรตสูง ออกกำลังกายน้อยลง และมีความเครียดมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นกรรมพันธุ์อีกด้วย
รู้จักหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือตันเกิดจากหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจแข็งตัว หรือมีไขมันไปเกาะผนังของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแดงตีบแคบลง ปริมาณเลือดแดงผ่านได้น้อย เป็นผลทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และหากหลอดเลือดแดงตีบแคบมากจนอุดตัน จะทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายได้
อาการหลอดเลือดหัวใจตีบ
- ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ แต่ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตันค่อนข้างมากจะมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างมากจนทนไม่ได้ เหมือนมีอะไรหนัก ๆ กดทับตรงกลางหน้าอก หรือการเจ็บจากหน้าอกขึ้นไปถึงคาง หรือเจ็บลงไปถึงแขนซ้าย
- หายใจหอบ เหนื่อย
- เหงื่อแตกใจสั่น
- หมดสติ หรือหัวใจหยุดเต้น (Heart Attack)
ปัจจัยเสี่ยงคุมไม่ได้
ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถควบคุมได้ มีดังนี้
- อายุ : โดยปกติแล้ว ความเสี่ยงของโรคหัวใจจะเพิ่มขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น
- พันธุกรรม : ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
- เพศ : ผู้ชายจะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจมากกว่าผู้หญิงก่อนวัยหมดประจำเดือน
ปัจจัยเสี่ยงควบคุมได้
ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถควบคุมโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือตันได้ มีดังนี้
- โรคความดันโลหิตสูง : การปล่อยให้ความดันโลหิตสูงอยู่เป็นเวลานาน ๆ จะทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดมาเลี้ยงร่างกาย กล้ามเนื้อหัวใจจะหนาขึ้น หัวใจจะโตขึ้น หลอดเลือดตีบแข็งและอุดตัน กล้ามเนื้อหัวใจตาย และนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวในที่สุด
- การสูบบุหรี่ : ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ 2 – 4 เท่า เนื่องจากสารที่อยู่ภายในบุหรี่จะทำให้เซลล์ที่เยื่อบุผนังหลอดเลือดเสื่อม ทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบตัน ซึ่งนำไปสู่สภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย
- ระดับไขมันในเลือด : ผู้ที่มีระดับไขมัน LDL คอเลสเตอรอลสูงจะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจสูงขึ้น ไขมันดังกล่าวทำให้ผนังหลอดเลือดหนาตัวขึ้นและหลอดเลือดตีบแคบลง เลือดไหลเวียนน้อยลง ในที่สุดหลอดเลือดหัวใจก็อุดตันและเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตาย
- โรคเบาหวาน : ทำให้ความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดและหัวใจสูงขึ้น เบาหวานทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ เสื่อมลง
- การขาดการออกกำลังกาย : ผู้ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายจะมีความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดและหัวใจสูงขึ้น การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดและหัวใจได้ และยังช่วยควบคุมปัจจัยความเสี่ยงอื่น ๆ เช่น ความดันโลหิต ระดับไขมันคอเลสเตอรอลในเลือด เบาหวาน และน้ำหนักที่มากเกินหรืออ้วน
- ความอ้วน : ผู้ที่มีดัชนีมวลกายตั้งแต่ 30 กิโลกรัม / ส่วนสูง (เมตร)2 ถือว่ามีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดและหัวใจ โดยสามารถคำนวณดัชนีมวลกายได้จากน้ำหนักตัว (หน่วยเป็นกิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (หน่วยเป็นเมตร) ยกกำลัง 2 อย่างไรก็ตามหากมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ร่วมด้วย แม้มีดัชนีมวลกายตั้งแต่ 25 กิโลกรัม / (เมตร)2 ก็ถือว่ามีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจเพิ่มขึ้น
ขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ
ทุบสถิติใหม่ เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. “ชัชชาติ” กวาดเสียง 1,386,215 คะแนน
สรุปเหรียญ ซีเกมส์ 2021 ล่าสุด ประจำวันจันทร์ที่ 23 พ.ค. 65