" BIOFEEDBACK " ทางเลือกแก้ปัญหาคนท้องผูกเรื้อรัง
หากคุณเบื่อที่จะถ่ายเพราะถ่ายยังไงก็ไม่ออก นั่นคือสัญญาณเตือนของผู้ที่มีอาการท้องผูก "BIOFEEDBACK " เป็นทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาท้องผูกเรื้อรัง
ปัญหาท้องผูกเรื้อรังเป็นปัญหาสุขภาพที่กวนใจใครหลายต่อหลายคน ขณะที่การรักษาปัจจุบันยังได้รับความสนใจจากคนไทยส่วนใหญ่น้อย โดยผู้ป่วยที่มีอาการท้องผูกจะพบได้ทั้งในวัยหนุ่มสาว จนถึงวัยสูงอายุ และส่วนมากคุณผู้หญิง มักจะใช้วิธีการทานยาระบาย หรือการทำดีท็อกซ์ ซึ่งในระยะยาวยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันว่าการใช้ยาระบายหรือการทำดีท็อกซ์จะส่งผลข้างเคียง หรือเป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างไรบ้าง
รู้เท่าทันมะเร็งลำไส้ใหญ่ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก่อนสายเกินแก้
เตือน! ปวดท้อง และขับถ่ายผิดปกติเสี่ยง “ภาวะลำไส้อุดตัน”
สภากาชาดไทย เปิดรับบริจาคเลือดกรุ๊ปหายาก หลังขาดแคลนต่อเนื่อง
หนึ่งในวิธีการรักษาท้องผูกเรื้อรังโดยที่ไม่ต้องรับประทานยา หรือดีท็อกซ์ คือการฝึกการทำงานของกล้ามเนื้อควบคุมการขับถ่ายและปรับการรับความรู้สึกในทวารหนักให้เป็นปกติ (Anorectal Biofeedback Training) ซึ่งใช้เวลาในการฝึกไม่นานก็สามารถแก้ปัญหาท้องผูกได้ในระยะยาว
โดยการฝึกการขับถ่าย (Anorectal Biofeedback Training) เป็นการฝึกการทำงานของกล้ามเนื้อควบคุมการขับถ่ายและปรับการรับความรู้สึกในลำไส้ตรงในผู้ที่มีการขับถ่ายผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นภาวะท้องผูกหรือไม่สามารถกลั้นอุจจาระได้ โดยจะมีการใช้เครื่องวัดแรงดันกล้ามเนื้อและหูรูดทวารหนักร่วมกับการฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่เกี่ยวข้องกับการขับถ่ายให้มีการทำงานอย่างสัมพันธ์กัน เพื่อให้เกิดการขับถ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
แนะนำการรักษา" ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ " อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต
ในการฝึกขับถ่าย Anorectal Biofeedback Training ขณะทำการฝึกแพทย์ผู้ชำนาญการจะใส่สายขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 10 เซนติเมตรผ่านเข้าทางทวารหนัก เพื่อแสดงภาพกราฟและแรงดันออกทางเครื่อง Anorectal Manometry ทำให้ผู้ฝึกสามารถดูภาพที่แสดงออกทางหน้าจอ ซึ่งการฝึกด้วยวิธีนี้จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาท้องผูกหรือไม่สามารถกลั้นอุจจาระสามารถเรียนรู้และจดจำรูปแบบการขับถ่ายอย่างมีประสิทธิภาพได้
โดยจะใช้เวลาฝึกครั้งละ 30 – 40 นาที จำนวน 6 ครั้ง โดยมีแพทย์หรือพยาบาลคอยแนะนำ ประกอบด้วย ฝึกขับถ่ายในท่าที่เหมาะสม
ฝึกการหายใจร่วมกับการฝึกเบ่งถ่าย ฝึกคลายกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักอย่างถูกวิธีในกรณีท้องผูก หรือฝึกขมิบออกแรงบีบกล้ามเนื้อในกรณีกลั้นอุจจาระไม่ได้
ทั้งนี้ผู้รับการฝึกขับถ่ายจะต้องใส่สายขนาดเล็กผ่านทางทวารหนัก ปลายสายมีส่วนที่เป็นบอลลูน เพื่อใช้ในการฝึกการรับความรู้สึกของลำไส้ตรงได้ โดยผู้รับการฝึกขับถ่ายจะได้รับการฝึกในท่านั่งหรือท่านอนตะแคงซ้าย (ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์และพยาบาลผู้ทำการฝึก) ฝึกหายใจ และฝึกการเบ่งถ่าย เพื่อปรับการรับรู้ความรู้สึกของลำไส้ตรง โดยจะทำตามขั้นตอนที่กำหนดมาอย่างถูกต้อง
บอกลา “ไมเกรน” หาสาเหตุให้เจอ จะได้รักษาได้ถูกวิธี
ผู้ที่มีข้อจำกัดในการฝึกขับถ่าย
ผู้ที่อายุมากกว่า 80 ปี
ผู้ที่มีปัญหาด้านระบบประสาท เช่น โรคทางสมอง มีภาวะหลงลืมหรืออัลไซเมอร์
ผู้ที่มีปัญหาทางจิต
ผู้ป่วยติดเตียง
ผู้ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร
แม้อาการท้องผูกจะไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต แต่ก็ส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตได้ โดยเฉพาะในรายที่เป็นเรื้อรัง และอาจส่งผลให้ผู้ป่วยบางรายที่เป็นมากเกิดเป็นลมขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ และยังเป็นอันตรายกับผู้ที่มีกล้ามเนื้อหัวใจเต้นผิดปกติอีกด้วย นอกจากนั้นในรายที่เบ่งรุนแรงมาก กล้ามเนื้อจะหย่อน ปลิ้น ลำไส้ใหญ่ปลิ้น แลบออกมา กล้ามเนื้อเชิงกรานหย่อนยาน เพราะถูกยืดถูกดึงมาก ซึ่งในระยะยาวอาจจะไม่สามารถกลั้นอุจจาระได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อเสื่อมสมรรถภาพ
ขอขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพ