ซุนโงกุล พลังใจ “น้าต๋อย เซมเบ้” ต่อสู้วัณโรคกระดูก
“ตอนนั้นผมคิดว่าไม่รอด เพราะอาการปวดมันเกิดขึ้นทุก 3 วินาที” จังหวะนั้น น้าต๋อย นึกถึง ซุนโงกุล ตัวละครที่เป็นพลังใจ ทำให้ต่อสู้วัณโรคกระดูกมาได้
ในปัจจุบันกระแสการค้นพบตัวเองในวัยรุ่นกำลังเป็นที่พูดถึงกันพอสมควร เยาวชนเจน Z ไม่น้อยที่กำลังตามหาตัวเอง และหนึ่งในอาชีพที่เป็นแรงบันดาลใจ พร้อมกับส่งเสริมพลังความสุขให้ผู้คน คือ นักพากย์การ์ตูน ในรายการ ค็อฟฟี้คลับ พามาแบ่งพลังใจพร้อมเรียนรู้เบื้องหลังของการเป็นนักพากย์การ์ตูน และเรียนรู้พร้อมปรับตัวจากการทำงานหนัก กับนักพากย์ในตำนานอย่าง "นิรันดร์ บุณยรัตพันธุ์" หรือ “น้าต๋อย เซมเบ้”
“วัณโรคในกระดูกสันหลัง” ภัยเงียบร้ายแรงทำกระดูกทรุด-พรุน
รู้ชัด 8 “โรคผิวหนัง” กับวิธีดูแล ลาขาดปัญหาผิวในหน้าฝน
ก่อนจะมาเป็นนักพากย์เสียงอารมณ์ดี
น้าต๋อย เล่าว่า ก่อนจะมาเป็น น้าต๋อยเซมเบ้ เบื้องหลังเสียงพากย์การ์ตูนอารมณ์ดี ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศข่าวต่างประเทศมาก่อน ในช่วงที่อ่านข่าวคลองซุเอส ได้ใส่อารมณ์ในการเล่าข่าวด้วย จนทำให้ผู้บริหารเรียกเข้าพบ พร้อมแนะนำให้ลองพากย์หนัง จึงเป็นจุดเริ่มต้นตั้งแต่นั้นมา
น้าต๋อยก้าวเข้าวงการพากย์เต็มตัว เรื่องแรกที่พากย์คือหนังสไตล์อารมณ์ดี “สามเกลอหัวแข็ง” The Three Stooges (2012) เป็นเรื่องราวป่วน ๆ ของเพื่อนซี้สามคนที่ก่อเรื่องชวนหัวเราะ ในการพากย์ครั้งนั้น น้าต๋อยเผยว่าเขาได้มีโอกาสร่วมงานกับ นักพากย์ระดับปรมาจารย์ อย่าง สมจินต์ ธรรมทัต นักพากย์ นักแสดง ผู้กำกับ นักเขียน และ กําธร สุวรรณปิยะศิริ นักพากย์ นักแสดง ที่น้าต๋อยถือว่าเป็นอาจารย์ที่สอนตัวเองมา
จุดเริ่มต้นพลังใจของนักพากย์การ์ตูน
หลังจากให้เสียงหนังต่างประเทศ น้าต๋อยได้ผลันตัวมาพากย์การ์ตูน ในปี 2523 เริ่มต้นจากการ์ตูน ทางช่อง 9 เรื่อง ไดมอส ยอดขุนพล และ หน้ากากเสือ ช่วงแรกของการพากย์ยังไม่ประสบความสำเร็จ ด้วยสไตล์การพากย์เสียงยังคงความเป็นหนังต่างประเทศ ทำให้บทบาทการพากย์การ์ตูนในช่วงแรกยังเข้าไม่ถึงเด็ก
เหตุการณ์ผลิกพลันเมื่อบทแปลการ์ตูนเรื่อง หน้ากากเสือหายไป เหตุการณ์บทหายเป็นวิกฤตแรกที่เจอ เมื่อสถาการณ์กระชันชิดต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เขาจึงใช้วิธีพากย์บทเอาตามฉากที่เห็น “ผมยอมรับเลยว่าตอนนั้นผมพากย์มั่ว”
เมื่อเจอวิกฤตบทหายเขาจึงได้รับสายจากทางบ้าน “หลังจากเหตุการณ์ที่พากย์มั่ว คือได้รับโทรศัพท์จากแฟนคลับการ์ตูน เด็กชายในสายโทรมาเล่าว่าตนนั่งดูการ์ตูนเรื่องหน้ากากเสือกับยาย แม้จะฟังไม่รู้เรื่องแต่รู้สึกสนุกและตลกมาก” น้าต๋อยบอกว่า วินาทีที่ได้ยินเสียงปลายสาย ทำให้ค้นพบว่า พากย์การ์ตูนให้ชนะใจเด็กต้องมุ่งเน้นไปที่ความสนุกเป็นหลัก และอีกหนึ่งเทคนิคที่น้าต๋อยใช้เพื่อชนะใจผู้ชม คือการดัดเสียงใช้ช่องเสียงที่ทะเล้นและขี้เล่นแทนจะใช้เสียงทุ้มต่ำเพื่อให้ดูเป็นกันเอง
แพทย์ผิวหนังชี้พักผ่อนน้อย เพิ่มความเสี่ยงเกิด "โรคงูสวัด"
นอนน้อย-ร่างกายอ่อนแอ เสี่ยง "งูสวัด" กำเริบ
ฉายา "เซมเบ้" จากแฟนคลับตัวน้อย
เมื่อประสบความสำเร็จจากการพากย์ น้าต๋อยมีโอกาสพากย์ออกโทรทัศน์ หรือที่เรียกว่าเปิดหน้ากล้อง แม้จะมีคำพูดวิจารณ์ถึงรูปร่างหน้าตาว่าจะทำให้เด็กกลัวจากฝ่ายผลิต แต่น้าต๋อยกลับเห็นต่าง เขาเล่าว่า การเปิดหน้ากล้องครั้งแรกแม้จะประหม่า แต่การเป็นตัวของตัวเองและดูเข้าถึงง่าย ทำให้เด็กชื่นชอบเขา
“คุณสุทธิชัยรู้ไหมตอนที่ผมออกหน้ากล้องครั้งแรก ผมพยายามหามุมให้ตัวเองดูดีที่สุด ผมหมุนไปหมุนมาจนผู้ควบคุมกล้องบ่น แต่การกระทำครั้งนั้นทำให้ผมได้รับโทรศัพท์จากเด็กมากมาย เขาโทรมาบอกว่าชอบที่ผมทำแบบนั้นเพราะผมดูตลก” รายละเอียดดังกล่าวถูกถ่ายทอดออกมาจากปากนักพากย์ในตำนาน
ส่วนคำว่า "เซมเบ้" ที่ต่อท้ายชื่อ น้าต๋อย อธิบายว่า เป็นฉายาจากแฟนคลับตัวน้อย เมื่อครั้งที่เขาได้รับโอกาสให้ตอบคำถามจากแฟนคลับในฐานะนักพากย์การ์ตูน เด็กชายคนหนึ่งโทรเข้ามาพูดคุย และต้องการให้น้าต๋อยแนะนำตัว “ครั้งนั้นผมแนะนำว่าผมชื่อ นิรันดร์ แต่เด็กน้อยบอกว่า ชื่อของผมยาว เขาจะเรียกผมว่า เซมเบ้ เพราะลักษณะคล้ายกับตัวละคร ดร.สลัม ซึ่งผมก็ชอบมากและเป็นที่รู้จักในชื่อนี้มาโดยตลอด”
เผชิญหน้ากับโรคร้ายที่เกือบพรากชีวิต
แม้การได้ทำงานเพื่อส่งต่อความสุขจะเป็นเป้าหมายในการคงอยู่ในอาชีพของนักพากย์ แต่เบื้องหลังของเสียงหัวเราะ น้าต๋อย ถูกรุมเร้าไปด้วยสารพัดโรคร้าย เขาเผยในรายการค็อฟฟี้คลับถึงอาการป่วยที่เผชิญอยู่ “อาการป่วยมันยังไม่หายไป ตอนนี้ที่ขณะให้สัมภาษณ์กับคุณสุทธิชัย ผมก็ยังปวดอยู่เป็นการเจ็บปวดที่มาจากเส้นประสาท เพียงแต่เป็นการปวดที่ผมทนได้”
น้าต๋อยเผย แม้จะถูกรุมเร้าด้วยหลายโรค แต่โรคที่เกือบจะพรากชีวิตของนักพากย์ในตำนานไป คือ “วัณโรคในกระดูกสันหลัง” โรคดังกล่าวเป็นภัยร้ายแรง มันกัดกระดูกจนแตกเกิดเป็นอาการปวดจากเส้นประสาท อาการปวดจากการถูกกัดกินกระดูกรุนแรงจนไม่สามารถเดินได้ หลังการผ่าตัดวัณโรคที่กระดูกสันหลัง เกิดโรคงูสวัด เข้าแทรกซ้อนตามมา เพิ่มความปวดให้กับน้าต๋อยอีกเป็นทวีคูณ
ต่อสู้วัณโรคในกระดูกสันหลังด้วย ซุนโงกุล
เจ้าของนักพากย์ในตำนานเล่าถึงช่วงเวลาที่ทรมานว่า ช่วงปวดจากวัณโรคในกระดูกสันหลัง และโรคแทรกซ้อน จนทนไม่ไหวตัวละครในตำนานของเขาได้ช่วยให้ได้ฉุกคิดได้
“ตอนนั้นผมคิดว่าผมไม่รอด เพราะอาการปวดมันเกิดขึ้นทุก 3 วินาที ยาแก้ปวดที่ช่วยบรรเทาได้รับเต็มโดสและไม่สามารถให้เพิ่มได้อีก จังหวะนั้นทำให้นึกย้อนไปถึง ซุนโงกุล ตัวการ์ตูนจากเรื่อง ดราก้อนบอล ที่ต่อสู้กับปีศาจ เบจิต้า ขณะที่ที่ซุนโงกุลใกล้ตาย เขาใช้พลังเฮือกสุดท้าย เพื่อระเบิดพลังซุปเปอร์ไซย่า และผมก็ทำแบบเดียวกับซุนโงกุน คือการตะโกนออกมาสุดเสียงปล่อยพลังความเจ็บปวด จนถึงจุดหนึ่งจุดที่สมองมันแยกแยะความเจ็บปวดออกได้...ผมถึงได้รอด”
สมดุลชีวิตของนักพากย์ในตำนาน
สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจนอกจากการพากย์การ์ตูน ที่ถือเป็นสิ่งที่น้าต๋อยชอบแล้ว อีกสิ่งที่เป็นพลังใจ คือการอยู่กับหลาน น้าต๋อยเปิดเผยว่า ปัจจุบันมีหลาน 3 คน ตัวเองอยากเห็นหลานเติบโต หากตนต้องจากโลกนี้ไป จะทำให้หลาน ๆ ร้องไห้ เขาจึงเลือกอดทนที่จะมีชีวิตอยู่ต่อขณะเดียวกัน ก็เสริมพลังใจด้วยการทำบุญ ภาวนาให้ตัวเองมีกำลังใจต่อไป
สำหรับน้าต๋อย เขาเชื่อว่า สมดุลชีวิตสามารถสร้างได้ แต่ก่อนสร้างสมดุลให้ชีวิตเราต้องมีเป้าหมายก่อนว่าอยากอยู่ไปเพื่ออะไร เมื่อมีเป้าหมายแล้วเราจะดำเนินชีวิตเพื่อสร้างสิ่งนั้นได้เพื่อตอบสนองเป้าหมายที่เราตั้ง
ติดตามรายการ "Coffee Club สมดุลชีวิตสร้างได้" วันจันทร์ เวลา 10.00 น. รับชมสดทาง Facebook, YouTube PPTV HD 36 และ LINE Official PPTV Online
สามารถรับชม ค็อฟฟี้คลับ ฉบับเต็มได้ที่ : https://youtu.be/giE2DJ2vKas
พลังใจตำนานนักพากย์ น้าต๋อย เซมเบ้ | HIGHLIGHT Coffee Club EP. 3 | 15 ก.ค. 65