เช็ก 9 สัญญาณ “โรคซึมเศร้า” อาการแบบไหนควรพบแพทย์?
“ไม่รู้เพราะอะไร แต่อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากทำอะไร รู้สึกว่าชีวิตแย่ โลกนี้ไม่น่าอยู่” หากคุณกำลังมีความคิดแบบนี้ คุณอาจกำลังตกอยู่ในภาวะ “โรคซึมเศร้า” เช็ก 9 สัญญาณเตือนโรคพบแพทย์รักษาหายได้
“โรคซึมเศร้า” ใครก็เป็นได้ ไม่เกี่ยวกับอายุ หรือ ปัจจัยจำเพาะและไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นในปัจจุบัน และเราแทบไม่รู้เลยว่าคนที่เดินสวนกัน คนที่นั่งทำงานด้วยกัน หรือแม้กระทั่งคนที่อยู่บ้านเดียวกัน...เป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่? จนกระทั่งเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นอย่างที่เราไม่ทันตั้งตัว ทุกคนควรหมั่นสังเกตตัวเองและคนใกล้ชิดว่ามีพฤติกรรมใดบ่งชี้ว่าเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่
“Dead Inside” ภาวะใจพังตายจากข้างใน ปล่อยเรื้อรังอาจนำไปสู่โรคซึมเศร้า
“โรคซึมเศร้า”ส่งผลต่อวัยจริง แต่หากมองในแง่ดี ชีวิตยืนยาวมากกว่าแง่ลบหลายเท่า
9 สัญญาณ “โรคซึมเศร้า”
โดยเริ่มจากสังเกต “ภาวะอารมณ์หรือความคิดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างผิดปกติ”
- มักมีอารมณ์เชิงลบ มีอารมณ์เศร้า ท้อแท้ หดหู่ สิ้นหวังอย่างต่อเนื่อง ร้องไห้โดยไม่ทราบสาเหตุ มีความกังวลหรือหงุดหงิดมากเกินไปจนส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานและความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้าง
- เบื่อหน่ายสิ่งรอบตัว เก็บตัว ไม่อยากพบไม่อยากคุยกับใคร เลิกสนใจในกิจกรรมที่เคยชอบทำ
- พฤติกรรมการกินผิดปกติ เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น กินน้อยไป กินมากไปทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงผิดปกติ
- มีปัญหาในการนอน นอนไม่หลับ นอนหลับไม่สนิท หรือนอนมากจนเกินไป
- กระวนกระวายหรือเฉื่อยชา มีอาการกระสับกระส่าย กระวนกระวายมากเกินไป หรือมีอาการตรงกันข้าม คือ เฉื่อยชา เคลื่อนไหวช้าลง
- อ่อนเพลียง่าย มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรทั้งสิ้น
- สมาธิสั้น ความจำแย่ลง สมาธิในการทำสิ่งต่างๆ และความสามารถในการคิดและการตัดสินใจลดลง
- สูญเสียความมั่นใจ รู้สึกตนเองไร้ค่า คิดว่าตนเองเป็นภาระ สูญเสียความมั่นใจในตนเอง รู้สึกผิดและโทษตนเองอยู่ตลอดเวลาในทุกๆ เรื่อง
- ไม่อยากมีชีวิตอยู่ คิดเรื่องความตายหรือการฆ่าตัวตายอยู่บ่อยครั้ง
อย่างไรก็ตาม ข้อสำรวจนี้เป็นเกณฑ์ที่แพทย์ใช้ในการวินิจฉัยโรคซึมเศร้า หากพบว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดนั้น
- มีอาการอย่างน้อย 5 อาการขึ้น
- มีอาการในข้อ 1 หรือข้อ 2 ร่วมด้วยอย่างน้อย 1 ข้อ
- มีอาการตลอดทั้งวัน หรือ เป็นแทบทุกวัน ต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยละเอียด และหาแนวทางแก้ไขหรือรักษาต่อไป เพราะอาจเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าได้
“ป่วยจริง”หรือ“โรคคิดไปเองว่าป่วย”เช็กก่อนเกิดภาวะแทรกซ้อนซึมเศร้า
เตรียมรับมือ “โรคซึมเศร้า” หากตัวเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการน่าสงสัย
หากยังมีอาการไม่มาก ควรหาความรู้และคำแนะนำที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าจากแพทย์เฉพาะทาง เพราะจะได้เรียนรู้วิธีการประคับประคองและจัดการอารมณ์ได้อย่างเหมาะสมหมั่นออกกำลังกาย หรือหากิจกรรมทำร่วมกับเพื่อนๆ หรือคนในครอบครัว จะทำให้ร่างกายสดชื่น มีพลังที่ดี จะช่วยให้อาการไม่แย่ลงการหากิจกรรมทำเพื่อให้ผู้ป่วยผ่อนคลาย ไม่คิดถึงแต่เรื่องในอดีตที่ทำให้เครียด พยายามให้ผู้ป่วยมีสติอยู่กับปัจจุบัน จะช่วยให้อาการป่วยทางใจค่อยๆ บรรเทาลงได้มากคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัว ควรทำความเข้าใจเรื่องของโรคซึมเศร้าให้มาก เพื่อจะได้เข้าใจและรับมือกับผู้ป่วยอย่างถูกวิธี เช่น คำพูดที่อาจกระทบกระเทือนจิตใจ การทะเลาะกัน ทำให้บรรยากาศตึงเครียด และควรงดดูสื่อต่างๆ ที่มีเนื้อหาเร้าอารมณ์ เป็นต้น
หากมีอาการจากโรคซึมเศร้าชัดเจนมากขึ้นควรไปพบจิตแพทย์ เพื่อช่วยประเมินและเข้ารับการรักษาบำบัด ก่อนที่จะสะสมกลายเป็นขั้นรุนแรง ถึงขั้นทำร้ายตัวเอง หรือเสี่ยงต่อผู้อื่นจะได้รับอันตราย หากเป็นถึงขั้นนี้ ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลทันที
โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่มีโอกาสรักษาให้หายได้ เพียงต้องได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม เริ่มจากการสอบถามอาการ ผลกระทบที่เกิดขึ้น ระดับความรุนแรง โรคประจำตัว ยาที่รับประทานเป็นประจำ ไปจนถึงการใช้ชีวิตประจำวัน จากนั้นแพทย์เฉพาะทางจะเป็นผู้ประเมินว่าควรรักษาแบบใด ถ้าหากสงสัยว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการบ่งชี้ว่าอาจเป็นโรคซึมเศร้าควรรีบมาพบแพทย์ทันที
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท
โรคซึมเศร้า โรคที่ต้องการยาและคนเข้าใจ มากกว่าผู้ตัดสิน
สัญญาณ “ไบโพลาร์” อารมณ์ 2 ขั้ว และปัจจัยการเกิดโรคที่พบบ่อยในวัยรุ่น