เช็กอาการโควิด BA.4 / BA.5 แนะกลุ่มเสี่ยง 608 ควรฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
เช็กอาการโควิด-19 สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ผู้เชี่ยวชาญแนะกลุ่มเสี่ยงควรฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นป้องกันอาการรุนแรง
ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์เฟซบุ๊กประเด็น "โควิดสายพันธุ์ใหม่" BA.4 BA.5 เผยอาการของผู้ป่วย จากข้อมูลของหน่วยงานสาธารณสุขของฝรั่งเศส รายละเอียดดังนี้
ข้อมูลอาการของผู้ติดเชื้อโอมิครอน BA.1 และ BA.4 / BA.5 ที่เก็บข้อมูลโดยหน่วยงานสาธารณสุขของฝรั่งเศส โดยเก็บข้อมูลจากผู้ป่วยจำนวนใกล้เคียงกันคือประมาณ 280 - 290 คน
จับตาโควิด Ba.4 และ Ba.5 ทำปอดอักเสบ หนีภูมิ "ติดเชื้อ - วัคซีน" ได้
เช็กสักหน่อย "ถอดหน้ากากอนามัย" ทำได้หรือไม่ได้ ตรงไหนบ้าง?
โดยรวมแล้วอาการของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ BA.4 / BA.5 ชัดกว่าผู้ป่วยที่ติดโอมิครอนรุ่นแรก ในทุกอาการที่รายงาน สังเกตจากกราฟสีเขียวสูงกว่าสีชมพูทั้งหมด
โดยอาการที่พบมากกว่า 50% ของผู้ป่วย คือ
- อ่อนเพลีย
- ไอ
- ไข้
- ปวดศีรษะ
- น้ำมูกไหล
กลุ่มอาการทางเดินหายใจเช่น หายใจถี่ และ หายใจลำบาก พบได้ในกลุ่ม BA.4/BA.5 เช่นเดียวกัน กลุ่มอาการทางเดินอาหารเช่น อาการท้องเสียก็พบได้มากกว่าในกลุ่ม BA.4/BA.5
ขณะที่ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น รายละเอียดดังนี้
กลุ่มเปราะบาง “608” และผู้ที่มียีนกลายพันธุ์ (gene variant) จำเป็นต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อป้องกันการติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 เนื่องจากข้อมูลทางคลินิกพบว่ากลุ่มเปราะบาง “608” มักมีอาการโรคโควิด-19 ที่รุนแรงมากกว่าคนทั่วไป จึงควรได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรง ซึ่งบางรายอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต รวมทั้งควรได้รับยาต้านไวรัสในทันทีเมื่อติดเชื้อ ส่วนการป้องกันการติดเชื้อนั้นหน้ากากอนามัยจะให้ผลดีที่สุด
โควิด-19 กลายพันธุ์ตลอดเวลา หลบภูมิ "วัคซีน - ติดเชื้อ" ได้ดีกว่าเดิม
แนะ 4 แยกปลอดโควิด-19 พร้อม 6 ข้อปฏิบัติตัวลดนำเชื้อเข้าบ้าน
วัคซีนเข็มกระตุ้นรุ่นใหม่ที่ผู้ที่ไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงอาจรอฉีด
ภูมิคุ้มกันจากวัคซีนจะคงได้ประมาณ 3-4 เดือน ส่วนภูมิคุ้มการจากการติดเชื้อตามธรรมชาติอาจคงอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน -1 ปี จากนั้นภูมิทั้งสองก็จะลดประสิทธิภาพลง ปัญหาในอีกลักษณะคือไวรัสโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 มีการกลายพันธุ์ต่างไปจากไวรัสดั้งเดิมอู่ฮั่นที่นำมาผลิตเป็นวัคซีน ร่างกายจึงสร้างแอนติบอดีขึ้นมาต่อต้านหรือปกป้องการติดเชื้อไม่ทันการ
คาดว่าปัญหาดังกล่าวอาจถูกแก้ไขลงได้ระดับหนึ่งเมื่อมีการนำวัคซีน “bivalent vaccine” ซึ่งใช้ทั้งไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิมอู่ฮั่นและโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม (B.1.1.529) เป็นต้นแบบอยู่ในเข็มกระตุ้นเข็มเดียว ข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิตพบว่าสามารถกระตุ้นภูมิได้ต่อ BA.4 และ BA.5 สูงขึ้นถึง 5 เท่า ในขณะที่กระตุ้นภูมิต่อโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม (B.1.1.529)
โควิดวันนี้ (27 มิ.ย.65) ติดเชื้อต่ำกว่า 2 พัน ปอดอักเสบเพิ่ม 610 ราย
โรค "มะเร็งปอด" มัจจุราชเงียบ ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นได้