ห่วงวัยรุ่น "พิษณุโลก" ติดเชื้อ HIV มากขึ้น จากกลุ่มผู้ป่วยเป็นเด็กมัธยม 60%
จ.พิษณุโลก ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อในกลุ่มเด็กมัธยมเพิ่มมากขึ้น ทำให้ สธ.ต้องทำงานเชิงลับในการรักษา และป้องกันไม่ให้เด็กติดเชื้อมากกว่าเดิม
นพ.ณัฐพล พฤทธิ์พงศ์พันธุ์ ผช.ผอ.ฝ่ายการแพทย์ รพ.กรุงเทพพิษณุโลก เผยว่า สถานการณ์ปัจจุบัน จ.พิษณุโลก มีผู้ป่วย HIV จำนวน 3,800 คน พบคนไข้ใหม่กลุ่มอายุน้อยลงเรื่อยๆ จากในอดีตที่พบกลุ่มคนวัยทำงานอายุ 30-60 ปี แล้วมาพบกลุ่ม 20-30 ปี โดยปัจจุบันพบอายุน้อยกว่า 20 ปี โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กระดับมัธยมพบว่ามีมากขึ้น จากเฉลี่ยผู้ป่วยมี 250 รายต่อปี ที่น่าตกใจคือในจำนวนนี้เป็นกลุ่มเด็กมัธยมมากถึง 60% หรือประมาณ 150 คน
โควิด "โอมิครอน" เสี่ยงติดเชื้อซ้ำมากกว่าระลอกก่อน 7 เท่า
“นั่งเนือยนิ่ง” เสี่ยงป่วย NCDs แนะขยับร่างกายลดน้ำตาล-ไขมันในเลือด
นพ.ณัฐพล กล่าวต่อว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้ปกครองใส่ใจดูแล ให้ผู้ที่มีความเสี่ยงเร่งตรวจหาเชื้อ ถ้าเจอเร็วก็จะทำให้การรักษาได้เร็ว และยุติการระบาดของการกระจายเชื้อให้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำควบคู่ไปกับการรณรงค์ใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ เพราะถุงยางอนามัยสามารถป้องกัน HIV ได้เกือบเต็ม 100% การใช้ยา เพร็พ (PrEP) ก็เป็นอีกทางเลือกในการสร้างเกราะป้องกัน ช่วยยับยั้งไม่ให้ HIV เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งสามารถป้องกันได้ถึง 80 % ปัจจุบันทั่วประเทศมีผู้กินยาเพร็พกว่า 1 ล้านคน หรือกินก่อนมีการร่วมเพศใช้ยาดังกล่าวป้องกันได้
ขณะที่ นางเพ็ญศรี เอื้อมเก็บ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ หัวหน้าห้องปรึกษาสุขภาพ รพ.พุทธชินราช พิษณุโลก กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นกลุ่มวัยอยากรู้อยากลอง ทำให้มีข้อมูลที่น่าตกใจว่าในช่วง 10 ปี มีผู้ป่วย HIV ที่เคยพบในช่วงวัยกลางคน แต่ปัจจุบันน้อยลง สวนทางกับกลุ่มเด็กและเยาวชนที่อายุน้อยลง พบว่ามีแนวโน้มป่วยเป็น HIV เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีนี้มีเด็กมัธยมติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาก จึงต้องเร่งทำงานในการตั้งรับการรักษา ทำอย่างไรไม่ให้มีผู้ติดเพิ่ม เด็กสามารถดูแลตัวเอง ทุกหน่วยงานต้องมาช่วยกันรณรงค์ไม่ให้เด็กมัธยมติดเชื้อเอดส์ และการเข้าถึงยาเพร็พ ซึ่งเป็นยาต้านที่ใช้ในการป้องกัน HIV ได้ 99-100%
นางเพ็ญศรี ระบุว่า ก่อนกินยาเพร็พ ต้องมีการเจาะเลือดตรวจ HIV เพราะเพร็พใช้ป้องกัน จึงใช้กับผู้ไม่มีเชื้อเท่านั้น ถ้ามีเชื้อให้เข้ารับการรักษาทันที รวมถึงตรวจการทำงานของไต ตรวจไวรัสตับอักเสบบีและซี ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งปัจจุบันกลุ่มที่ใช้ยาเพร็พ แบ่งเป็น กลุ่มชายรักชาย 33% กลุ่มคู่รักชายหญิง ที่แฟนเลิกกันแล้วเจอคนใหม่ และติดเชื้อจากคู่ใหม่อีก 33% และกลุ่มไม่มีคู่ประจำ วัยรุ่นที่เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ อีก 33%
สถานการณ์ปัจจุบันผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่อายุน้อยเพิ่มขึ้น คลินิกเทคนิคการแพทย์ เอ็มพลัสพิษณุโลก มาเปิดให้บริการที่ จ.พิษณุโลก เป็นทางเลือกในการมาตรวจหาเชื้อ HIV ซีฟิลิส เพื่อส่งต่อในการรักษาที่โรงพยาบาลพุทธชินราช โดยประชาชนสามารถนำบัตรประชาชนมารับการตรวจหาเชื้อไปฟรีปีละ 2 ครั้ง เอ็มพลัส เป็นหน่วยบริการตั้งรับและบริการเชิงรุกในการตรวจผลเลือดคัดกรองคนไข้ได้อย่างรวดเร็ว รักษาเร็ว ก็ยุติโรคได้เร็ว พร้อมติดตามผู้ป่วยในเรื่องการกินยาต้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อหวังให้เชื้อ HIV ลดลงและหมดไป
ตัวเหลือง ตาเหลือง สัญญาณเตือนจากร่างกาย ภัยร้ายมากกว่าที่คิด
เหนื่อยง่าย หลังป่วยโควิด-19 รู้ชัดจะหายหรือไม่ ต้องดูแลอย่างไร
ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเชื้อ HIV และใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น
เชื้อ HIV ติดต่อกันได้อย่างไร
เชื้อ HIV สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสเลือด น้ำเหลือง น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด ส่วนน้ำลาย เสมหะและน้ำนมมีปริมาณเชื้อ HIV น้อย สำหรับเหงื่อ ปัสสาวะและอุจจาระแทบไม่พบเลย ทั้งนี้มีช่องทางการติดต่อที่สำคัญ ได้แก่
1.การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน เช่น ไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัย ไม่ว่าชายกับชาย ชายกับหญิง หรือหญิงกับหญิง ทั้งทางช่องคลอดและทวารหนัก ก็ล้วนมีโอกาสติดโรคนี้ได้ทั้งสิ้น ทั้งนี้ จากข้อมูลของการระบาดวิทยาพบว่า มากกว่าร้อยละ 80 ของผู้ติดเชื้อ HIV ได้รับเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์
2.ใช้เข็มหรือกระบอกฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อ HIV ซึ่งมักพบในกลุ่มผู้ฉีดสารเสพติดเข้าเส้นเลือด
3.การสัมผัสเลือดหรือน้ำเหลืองของผู้ติดเชื้อ HIV ผ่านผิวสัมผัสที่เป็นแผลเปิดหรือรอยถลอก รวมทั้งการใช้ของมีคมร่วมกับผู้ติดเชื้อ HIV โดยไม่ทำความสะอาดอุปกรณ์ให้สะอาดเพียงพอ เช่น มีดโกนหนวด กรรไกรตัดเล็บ เข็มสักผิวหนังหรือคิ้ว เข็มเจาะหู
4.การติดต่อจากแม่สู่ลูก ทั้งระหว่างตั้งครรภ์ การคลอดและการเลี้ยงดูด้วยนมแม่
5.การรับโลหิตบริจาคที่มีเชื้อ HIV ปนเปื้อน ซึ่งมีโอกาสน้อยมากในปัจจุบัน เนื่องจากโลหิตที่ได้รับบริจาคทุกขวดต้องผ่านการตรวจหาการติดเชื้อ HIV เพื่อความปลอดภัย
หากสงสัยว่า ได้รับเชื้อ HIV ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อกินยาต้านเชื้อ HIV แบบฉุกเฉินหรือยา PEP (เพ็บ) ภายใน 72 ชั่วโมง หรือหากมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อสามารถกินยา PrEP (เพร็บ) ซึ่งเป็นยาที่กินก่อนที่จะได้รับเชื้อหรือป้องกันเชื้อ HIV ได้
ใช้ชีวิตร่วมกับผู้ติดเชื้ออย่างไร ให้ปลอดภัย
เมื่อครอบครัวต้องอาศัยอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อ HIV คุณหมอสุพิชชา บอกว่าสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ คือการหาความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคอย่างรอบด้าน ทั้งการแพร่เชื้อ การป้องกันการติดเชื้อ การรักษา และการพาผู้ป่วยไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาตามนัด
พฤติกรรมที่ทำแล้ว ไม่ติดเชื้อ
- การใช้ช้อนกลาง ระหว่างรับประทานอาหารร่วมกัน
- การกอด
- สามารถซักเสื้อผ้าร่วมกันได้ แต่ที่ต้องซักแยกกันและใส่ถุงมือเสมอ คือ ผ้าที่ปนเปื้อนเลือด สารคัดหลั่ง อุจจาระ ปัสสาวะ
- การใช้สบู่ ครีมอาบน้ำ แชมพู ยาสีฟัน แป้ง ฯลฯ ร่วมกัน
พฤติกรรมที่เสี่ยงติดเชื้อ
- การใช้อุปกรณ์ที่อาจสัมผัสเลือด หรือของใช้เฉพาะบุคคลร่วมกัน เช่น มีดโกน กรรไกรตัดเล็บ แปรงสีฟัน
- เมื่อบุคคลในบ้านป่วย เช่น เป็นไข้ หัด หัดเยอรมัน สุกใส แล้วไม่แยกจากผู้ติดเชื้อ
- บุคคลในบ้านควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดต่อต่างๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่ หัด คอตีบ ไอกรน
- ควรล้างมือบ่อยๆ เช่น ก่อนและหลังรับประทานอาหาร การประกอบอาหาร การเข้าห้องน้ำ
- การมีเพศสัมพันธ์ของสามีภรรยา ต้องใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้ง และระมัดระวังเรื่องการแพร่เชื้อระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
ขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล, โรงพยาบาลพญาไท
ขึ้นทะเบียนพืชใหม่ “กัญชาเพชรชมพู” สายพันธุ์ดีที่พัฒนามากว่า 3 ปี
“หมอพร้อม” มี 2 ฟังก์ชันใหม่ ประเมินภาวะลองโควิด - ตรวจสุขภาพใจ