เป็นไปตามคาด! ปอดอักเสบมีแนวโน้มสูงขึ้น รัฐยังรับมือไหว
ศปก.ศบค.เผยกลุ่มผู้ป่วยปอดอักเสบขยับขึ้น หลังปลดล็อกถอดแมสก์-เปิดสถานบันเทิง ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ ยันรัฐยังรับมือไหว ไม่มีการปรับมาตรการรับ BA.4/BA.5
แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือศบค. กล่าวว่า ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานกาณ์โควิด-19 หรือ ศปก.ศบค. มีความเป็นห่วง คือ กลุ่มผู้ป่วยปอดอักเสบที่มีทิศทางสูงขึ้น ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังมีการปลดล็อคมาตรการสวมหน้ากากอนามัยให้มีการผ่อนคลายมากขึ้น รวมทั้งการเปิดให้บริการสถานบันเทิงใน 31 จังหวัด
โควิดไทย แนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น วอน ปชช.อย่าตื่นตระหนก ยังมียาพอ
BA.5 กำลังยึดพื้นที่ทั้งหมด "นพ.ยง" ชี้ตัวนี้หลบภูมิ ฉีดแล้วก็ติดได้
ทางกระทรวงสาธารณสุขมีการคาดการณ์สถานการณ์ผู้ติดเชื้อ หรือผู้ที่เข้ารับการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นได้ และสิ่งที่ ศบค.ชุดเล็กให้ความสำคัญอย่างยิ่ง คือ ต้องให้อยู่ในเกณฑ์ที่ระบบสาธารณสุขไม่ว่าจะเป็นอัตราการครองเตียง ศักยภาพของบุคลากรในแต่ละพื้นที่ๆ ยังสามารถรองรับได้ ซึ่งปัจจุบันอัตราการครองเตียงระดับ 2 และ 3 อยู่ที่ 9.9% ซึ่งมีเฉพาะบางจังหวัดใหญ่ๆ เช่น จังหวัดสมุทรปราการ ที่อัตราครองเตียงระดับ 2 และ 3 สูงเกิน 20% แต่อย่างไรก็ตามยังไม่เกิน 25% ที่สาธารณสุขคาดการณ์ไว้
ในส่วนของการเข้ารับการรักษาพยาบาลของประชาชนพบว่าในส่วนของการรักษาในโรงพยาบาลสนาม หรือศูนย์กักกันในชุมชนซึ่งได้มีการใช้ค่อนข้างเยอะก่อนหน้านี้ ปัจจุบันสัดส่วนลดลงอย่างมาก ประชาชนส่วนมากได้ลงทะเบียนรับขอการรักษาแบบผู้ป่วยนอก ซึ่งอาจทำให้การรักษาในโรงพยาบาลลดลงเป็นลำดับ
โดยแพทย์หญิงอภิสมัย ระบุว่า การประชุม ศบค.ชุดใหญ่จะมีขึ้นวันที่ 8 กรกฎาคม จึงคาดว่าจะมีการเสนอมาตรการต่างๆ มากมาย รวมถึงมีการทบทวนมาตรการที่ได้ประกาศออกไปแล้วมีการปรับขึ้นลงอย่างไรขอให้ประชาชนติดตาม แต่ต้องเน้นย้ำว่าทำเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป การเปลี่ยนผ่านคงไม่ได้เปลี่ยนแบบก้าวกระโดด
ตัวเลขใน "ผลตรวจสุขภาพ" บอกอะไรเราบ้าง รู้ให้ชัดร่างกายปกติหรือไม่
รมช.สธ.ย้ำหลังโควิดเข้าระยะ Post-Pandemic ยังต้องป้องกันตนเอง ฉีดเข็มกระตุ้น
ส่วนการโควิดสายพันธุ์โอมิครอยย่อย Ba.4, Ba.5 มีความน่ากังวลแค่ไหนนั้น แพทย์หญิงอภิสมัย ระบุว่า สายพันธุ์ Ba.4, Ba.5 กระทรวงสาธารณสุขกรมวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ มีการติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีการรายงานว่าผู้ที่พบส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศถึง 72.7 % ขณะที่มีการพบในประชาชนไทยบ้างแต่เป็นสัดส่วนที่น้อยกว่ามาก คือ 27.3 % โดยสัปดาห์หลังนี้มีรายงานพุ่งพรวดขึ้นมา 50 % คงต้องรออีก 2-3 สัปดาห์ถึงจะเห็นแนวโน้มจริงของการระบาดของสายพันธุ์นี้ในประเทศไทย อย่างไรก็ตามสายพันธุ์ที่รายงานการแพร่ระบาดในปัจจุบันยังเป็นสายพันธุ์โอไมครอนย่อย BA.2 เป็นส่วนใหญ่
และจากการรายงานกระทรวงสาธารณสุขพบว่าปัจจุบันในการติดตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก หรือการรายงานจากต่างประเทศ ยังไม่พบว่ามีความรุนแรงเทียบเท่ากับเดลต้า แต่อย่างไรก็ตามคงเร็วเกินไปที่จะสรุป ต้องรอข้อมูลเพิ่มเติม จึงยังต้องเน้นย้ำว่ากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสาธารณสุข รวมทั้ง ศบค.ชุดเล็ก จะมีการติดตามการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ในเบื้องต้นยังไม่มีการปรับมาตรการที่แตกต่างจากการสรุปจาก ศบค.ชุดใหญ่เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
อนึ่งก่อนหน้านี้ ศบค.มีมติเห็นเห็นชอบปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักรโดยให้ มีผล 1 ก.ค. 2565 โดยมาตรการจะเริ่มดำเนินการได้ทันทีหรือหลังประกาศราชกิจจานุเบกษา คือ
- พื้นที่สถานการณ์ ปรับระดับพื้นที่สถานการณ์เป็นระดับเฝ้าระวัง (สีเขียว) ทั้งประเทศ
- มาตรการการใส่หน้ากากอนามัย ควรสวมหน้ากากและให้สวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่แออัด สถานที่ปิดหรือมีการอยู่ใกล้ชิดกับคนจำนวนมาก
- การบริโภคสุราหรือแอลกอฮอล์ในร้านอาหารในพื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง ให้เปิดบริการได้ตามปกติตามที่กฎหมายกำหนด
- การยกเลิก การคัดกรองอุณหภูมิ ไม่มีความจำเป็นต้องคัดกรองอุณหภูมิในอาคารสถานที่
- ด้านการเว้นระยะห่าง แนะนำให้มีการเว้นระยะห่างตามความเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่โรค
- การจรวจ ATK ใช้เฉพาะเมื่อกรณีเป็นผู้ป่วยสงสัยที่มีอาการทางเดินหายใจ หรือหากมีการรวมกลุ่มมากกว่า 2,000 คน
- การอนุญาติให้การผลิตรายการโทรทัศน์ พิธีกรสามารถถอดหน้ากากได้
- การเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว ผ่อนคลายให้การดำเนินการเป็นไปตามปกติ
ทั้งนี้ หากมีการปรับอย่างไรคงต้องมีการนำเสนอเข้าที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้
ลองโควิด (Long Covid) เรื่องไม่เล็ก ส่งผลต่อสมอง กระทบต่อจิตใจ
แนะอาหารผู้ป่วย "ลองโควิด" (Long COVID) เสริมวิตามินแร่ธาตุฟื้นฟูร่างกาย