WHO คาดหวังโควิด-19 จะยุติเป็นภาวะฉุกเฉินได้ในปีหน้า
องค์การอนามัยโลก หวังในปีหน้า จะได้ประกาศยุติการกำหนดให้โควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข
นายแพทย์เทดรอส เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก หรือ WHO เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า เขาหวังว่าการระบาดของโควิด 19 จะถูกพิจารณาว่าไม่ได้เป็นภาวะฉุกเฉินของโลกใบนี้แล้ว สักวันหนึ่งในปีหน้า โดยตามปกติแล้ว WHO จะมีการนัดประชุมทุกๆสองถึงสามเดือน เพื่อพิจารณาว่า โควิด 19 ยังคงเป็น “ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ” หรือ PHEIC หรือไม่ ซึ่งภาวะดังกล่าวนั้นหมายความว่า
ตั้งครรภ์ ทำไมต้องเสี่ยงเบาหวาน? รู้ทัน แม่-ลูกปลอดภัยลดเสี่ยงโรคได้!
กินหมูกระทะ เสี่ยง “โรคไข้หูดับ” อันตรายถึงขั้นหูหนวก-เสียชีวิต
เป็นเหตุการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อประเทศอื่นๆ จากการแพร่ระบาดระหว่างประเทศและต้องอาศัยความร่วมมือจากนานาประเทศในการรับมือกับเหตุการณ์นั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวตั้งคำถามว่า มีเงื่อนไขอย่างไรบ้างในการพิจารณาว่าโควิด 19 ไม่ได้เป็นภาวะฉุกเฉินแล้ว ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายสถานการณ์ฉุกเฉินของ WHO เปิดเผยว่า จะมีการพิจารณาว่าตัวไวรัสเป็นอย่างไร มีสายพันธุ์ใหม่ๆเกิดขึ้นหรือไม่ ลักษณะของไวรัส และการรับมือของประเทศต่างๆเป็นอย่างไร และประชาชนเข้าถึงวัคซีนแล้วหรือไม่ แต่เขาก็คิดว่า ยังคงมีงานมากมายที่รออยู่
ขณะเดียวกัน มีการตั้งคำถามถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ในจีน ซึ่งมีรายงานว่าในเวลานี้ เกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว หลังทางการผ่อนปรนมาตรการโควิดเป็นศูนย์ หัวหน้าฝ่ายสถานการณ์ฉุกเฉินของ WHO มองว่า การระบาดครั้งนี้ในประเทศจีนไม่ได้เกิดขึ้นจากการผ่อนปรนมาตรการ เพราะพบการระบาดก่อนจะผ่อนคลาย ดังนั้นหมายความว่า มาตรการเข้มงวดก็ไม่สามารถยับยั้งการระบาดได้ เขาเชื่อว่า รัฐบาลจีนได้ตัดสินใจอย่างดีแล้วจึงผ่อนคลาย และสิ่งที่ทางการจีนยังมีความท้าทายรออยู่ก็คือเรื่องของวัคซีน
ด้านสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ในเวลานี้ ท้องถนนในกรุงปักกิ่งเงียบเหงา ร้านค้าต่างๆกลายเป็นร้านร้าง ผู้คนหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิด แต่ไม่ใช่เป็นเพราะว่าอยู่ภายใต้การล็อกดาวน์ แต่เป็นเพราะนี่คือนิวนอร์มอล หรือปกติใหม่ในจีน หลังทางการผ่อนปรนมาตรการโควิด 19
WHO ระบุว่า จีนมีรายงานจำนวนผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้น 4สัปดาห์ติดต่อกันแล้วนับตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา ดังนั้นบรรยากาศความเงียบเหงาจึงเกิดขึ้นในกรุงปักกิ่งและตามเมืองต่างๆ มีรายงานว่า บริษัทต่างๆ ต้องปรับเปลี่ยนกำลังพล เวลาเข้างาน และมีพนักงานทำงานน้อยกว่าปกติ เนื่องจากพนักงานป่วยเป็นโควิด 19 ขณะเดียวกันคนที่ไม่ได้ป่วย ก็ตัดสินใจอยู่บ้าน ทำงานจากที่บ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ
แต่นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดเกิดขึ้นที่เมืองอู่ฮั่น ที่ทางการจีนไม่ได้มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการแพร่ระบาด โดยหลังผ่อนคลายมาตรการ ทางการยกเลิกข้อเรียกร้องเรื่องการตรวจหาเชื้อโควิด 19 อนุญาตให้ประชาชนใช้ที่ตรวจ ATK ที่บ้านแทนได้ ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยอย่างเป็นทางการในเวลานี้ของจีน ไม่ได้มีความแม่นย้ำหรือเข้มงวดเช่นเดิมแล้ว
โดยเมื่อวานนี้ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน ได้ประกาศว่า จะไม่มีการรวมตัวเลขผู้ป่วยที่ติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการเข้าไปในรายงานประจำวันแล้ว โดยตัวเลขแต่ละวัน จะเป็นตัวเลขผู้ป่วยของวันก่อนหน้านั้น และเป็นผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันหรือเป็นผู้ป่วยที่มีอาการ เมื่อวานนี้ ทางการจีนรายงานพบผู้ป่วยโควิด 2249 คนทั่วประเทศ โดยในจำนวนดังกล่าว 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นผู้ป่วยที่พบในกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน
ด้านเจ้าหน้าที่ในกรุงปักกิ่ง แนะนำประชาชนหากไม่ได้มีอาการป่วยรุนแรงก็ไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน เพื่อลดผลกระทบของระบบสาธารณสุข โดยโรงพยาบาลใหญ่ๆในกรุงปักกิ่งมีรายงานพบผู้ป่วยที่มีอาการเป็นไข้ ระหว่างวันที่ 5-11 ธค ที่ผ่านมา 19000 คน เพิ่มขึ้นถึงหกเท่า จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
ส่วนจำนวนผู้ป่วยที่เป็นไข้เข้ารับการรักษาตามคลินิกก็เพิ่มขึ้นถึง 16 เท่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
อย่างไรก็ตามนับจนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนเปิดเผยเมื่อวันอังคารทีผ่านมาว่า ถึงแม้ตัวเลขผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้น แต่มีรายงานพบผู้ป่วยอาการหนักและรุนแรงเพียงแค่ 50 รายเท่านั้นในโรงพยาบาล