อินเดีย หวั่นเจอโควิดสายพันธุ์ใหม่ สั่งคุมเข้มตรวจคนเดินทางเข้าประเทศ
โควิด-19 จีนระบาด ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินเดียวิตกกังวลเกี่ยวกับการค้นพบสายพันธุ์ใหม่ จนต้องยกระดับการเฝ้าระวังโดยเฉพาะผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ
ทางการอินเดีย ได้เริ่มใช้มาตรการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบสุ่มกับผู้เดินทางเข้าประเทศในสัดส่วน 2 เปอร์เซนต์ของจำนวนผู้เดินทางผ่านทุกๆ สนามบิน โดยตัวอย่างของผลตรวจที่เป็นบวกจะถูกส่งให้กับห้องแล็บต่างๆ เพื่อเฝ้าระวังสายพันธุ์ใหม่
นอกจากนี้รัฐบาลกลางอินเดียได้กำชับรัฐต่างๆ ทั้งประเทศกระตุ้นเตือนประชาชนถึงความจำเป็นที่ต้องสวมหน้ากากอนามัยต่อไป รวมถึงการหมั่นล้างมือ ดูแลความสะอาด และเว้นระยะห่างทางสังคม อีกทั้งควรเข้ารับการฉีดวัควัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิป้องกันไวรัสโควิด-19 อีกด้วย
WHO แนะจีนควรโฟกัสไปที่การเร่งฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มเสี่ยง
“ธาลัสซีเมีย” โรคพันธุกรรมคนไทยเกือบครึ่งมีเชื้อพาหะ
อย่างไรก็ตามรัฐบาลอินเดีย ยืนยันว่ายังไม่มีนโยบายจำกัดการบินเข้าออกประเทศ แต่หากเกิดสถานการณ์จำเป็นในอนาคต ก็สามารถเพิ่มสัดส่วนของการสุ่มตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในกลุ่มผู้เดินทางเข้าประเทศได้ หรือ อาจสั่งให้ผู้โดยสารเครื่องบินทุกคนเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19
สำหรับอินเดียเคยเผชิญกับวิกฤตไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา เมื่อปี 2021 ซึ่งรัฐบาลระบุว่ามีผู้เสียชีวิตเกือบ 500,000 คน แต่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ประเมินว่าตัวเลขที่แท้จริงอาจมีมากถึง 4.7 ล้านคน อย่างไรก็ตามในช่วงต้นปี 2022 ที่ผ่านมา สถานกาณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มดีขึ้น ทำให้รัฐบาลอินเดียผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่างๆ ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้เลิกสวมหน้ากากเมื่อออกจากบ้านแล้ว
สำหรับการยกระดับเฝ้าระวังของรัฐบาลอินเดียในรอบใหม่นี้ มีสาเหตุจากความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของไวรัสสโควิด-19 ในประเทศจีนที่ผ่อนคลายนโยบายควบคุมต่างๆ และกำลังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อวันพุธ ทางการจีนรายงานผู้ป่วยรายใหม่ 2,966 รายในวันพุธ และมีผู้เสียชีวิตจากโควิดน้อยกว่า 10 รายตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม สวนทางกับรายงานที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่ว่าโรงพยาบาลมีผู้ป่วยล้นหลามและเมรุเผาศพกำลังถูกผลักดันจนเกินขีดความสามารถ
ขณะที่ “แอร์ฟินิตี” ( Airfinity Ltd) บริษัทวิจัยในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่มุ่งเน้นการวิเคราะห์สุขภาพและติดตามการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ครั้งแรกที่เกิดโรคดังกล่าว วิเคราะห์ว่าจีนมีแนวโน้มที่จะประสบกับการติดเชื้อโควิด 1 ล้านคน ในการระบาดรอบนี้และเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ประมาณ 5,000 คน ทุกวัน เนื่องจากต้องต่อสู้กับการระบาดที่อาจเป็นระลอกใหญ่ที่สุดที่โลกเคยพบมา
โดยสถานการณ์ในจีนอาจเลวร้ายลง อาจเห็นอัตราผู้ป่วยรายวันเพิ่มขึ้นเป็น 3.7 ล้านคนในเดือนมกราคม ปีหน้า จากนั้นมีแนวโน้มว่าจะมีการติดเชื้ออีกครั้งซึ่งจะดันยอดสูงสุดรายวันเป็น 4.2 ล้านคนในเดือนมีนาคม
การสร้างแบบจำลองขนาดและจำนวนผู้เสียชีวิตจากการระบาดของโรคในจีน ซึ่งใช้ข้อมูลระดับจังหวัด แสดงให้เห็นผลกระทบของการที่ประเทศยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ หรือ Zero Covid อย่างกะทันหัน ซึ่งเกินกว่าที่รัฐบาลจะคาดการณ์ไว้มาก
ขณะที่ นายเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ระบุเมื่อวันอังคารว่า รัฐบาลสหรัฐ พร้อมให้ความช่วยเหลือด้านวัคซีนไวรัสโควิด-19 ให้แก่ทุกประเทศ รวมถึงจีนด้วย รวมถึงเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็น โดยก้าวข้ามจุดยืนทางการเมืองที่แตกต่างกันไว้ก่อน เพราะการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ส่งผลกระทบอย่างหนักทั้งต่อชีวิตของประชาชน และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเศรษฐกิจของจีนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย