สธ.คาดหลังสงกรานต์อาจติดโควิด-19 วันละ 1 แสนคน
สาธารณสุข คาดหลังสงกรานต์ ถ้าควบคุมไม่ดี มีโอกาสติดโควิดวันละ 1 แสนคน ขณะที่วันนี้สมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เข้ายื่นหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี ขอให้ช่วยผ่อนคลายมาตรการให้เล่นสาดน้ำบนถนนข้าวสาร ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้ หลัง 2 ปีผ่านมาต้องถูกงดกิจกรรมในช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาด ย้ำไม่สาดน้ำ คนก็ติดโควิดเยอะอยู่แล้ว
การยื่นหนังสือครั้งนี้มีนายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เป็นผู้ยื่นและมีนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ หลังจากศบค.ผ่อนคลายให้จัดเล่นน้ำตามประเพณี แต่การสาดน้ำ ประแป้ง ยังไม่สามารถทำได้
นายสง่า ระบุว่า การที่รัฐบาลออกมาห้ามอย่างเดียวเป็นการทำร้ายประชาชน และผู้ประกอบการบนถนนข้าวสารต้องทนเจ็บตัวมาแล้ว 2 ปี จากการต้องถูดงดให้จัดการ ถ้าหากในช่วง 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 12 – 15 เมษายน อนุญาตให้จัดงานสาดน้ำในถนนข้าวสารได้
สงกรานต์ไกลโควิด-19 กรมอนามัยเปิดแนวทางจัดกิจกรรมรวมกลุ่ม
สธ.ชี้จัดงาน “เล่นน้ำสงกรานต์” ผิดกฎหมาย ต้องขออนุญาตก่อน
คาดว่า ผู้ประกอบการบนถนนข้าวสารจะมีรายได้ 50-80 ล้านบาท และถ้าหากเปิดให้กิจกรรมก็จะสร้างเศรษฐกิจภาพรวมได้ถึง 1,000 ล้านบาท รวมถึงยังส่งผลต่อการท่องเที่ยวอื่นๆด้วย
ทั้งนี้ในเอกสารที่ได้ยื่นให้กับนายกรัฐมนตรีพิจารณา ยังมีการแนบมาตรการที่ผู้ประกอบการจะปฏิบัติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยจะใช้มาตรการ Covid Free Setting เช่น กำหนดทางเข้า – ออก และจุดคัดกรอง ควบคุมคนมาในงาน กำหนด 1 คน ต่อ 4 ตารางเมตร รองรับได้ราวๆ 5,000 คน คนที่จะมางานต้องแสดงหลักฐานได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม คนที่ไม่ฉีดวัคซีนต้องตรวจ ATK ควบคุมให้เว้นระยะห่าง ใส่หน้ากาก เฟสชิลด์ตลอด ไม่ปะแป้ง ปาร์ตี้โฟม ได้แค่สาดน้ำเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นายสง่าบอกว่า แม้ไม่มีการสาดน้ำ ตัวเลขผู้ติดเชื้อต่อวันก็สูงอยู่แล้ว อีกประการ คือ ศบค.ก็อนุญาตให้จัดงานส่วนบุคคลได้ จึงขอโอกาสให้ถนนข้าวสาร จัดงานสาดน้ำ ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 ได้ด้วย
ด้านนพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย ระบุว่า มาตรการต่างๆเช่น Covid free Sstting และอีกหลายมาตรการที่จะนำมาใช้ในการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ ดี และครอบคลุมอยู่แล้ว แต่ที่มักจะมีปัญหา ส่วนใหญ่เกิดจากความย่อหย่อนของประชาชน เพราะฉะนั้นประชาชน และผู้ประกอบการต้องให้ความร่วมมือได้ พร้อมยอมรับว่า แม้จะมีระบบการจัดการที่ดีเป็นไปตามมาตรการ แต่ก็มีโอกาสที่จะมีผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนได้ แต่ก็จะเป็นกลุ่มน้อยๆเท่านั้น
ส่วนการเล่นน้ำแบบ ‘ริน รด พรม’ หรือ การรดน้ำดำหัว กับการสาดน้ำ มีความเสี่ยงแตกต่างกันอย่างไร นายแพทย์สุวรรณชัย อธิบายว่า การเอาน้ำรด หรือ พรม ลงไปที่ไหล่ หรือ มือ ความเสี่ยงจะน้อยกว่า เพราะไม่ได้มีการสัมผัส แม้จะเป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ ก็ยังถือว่า เสี่ยงต่ำมาก แต่ถ้าหากเป็นการสาดน้ำ ไม่สามารถทราบได้เลยว่า ในน้ำมีเชื้อโควิดปนเปื้อนอยู่หรือไม่ หากมีเชื้อปนอยู่ แล้วสาดน้ำไปก่อนจะไหลเข้าจมูก ปาก แล้วเข้าไประบบทางเดินหายใจ ก็มีความเสี่ยงติดเชื้อสูงมาก
ขณะเดียวกันกระทรวงสาธารณสุข ยังจัดทำฉากทัศน์ หรือ แบบจำลองผู้ติดเชื้อรายใหม่ หลังจากเทศกาลสงกรานต์ เพราะเป็นช่วงที่มีการเคลื่อนย้ายของประชากรในจำนวนมาก มีกิจกรรมทั้งในบ้าน นอกบ้าน จึงมีโอกาสที่จะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น หากไม่มีมาตรการที่ควบคุม ประชาชนย่อหย่อนต่อมาตรการ ฉากทัศน์จะเป็นตามเส้นสีแดง เลวร้ายที่สุด ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่มีโอกาสเพิ่มแตะ 100,000 คน ในช่วงวันที่ 19 เม.ย.
แต่ถ้าหากยังคงมาตรการ ประชาชนให้ความร่วมมือ ฉากทัศน์จะเป็นตามเส้นสีเหลือง ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะอยู่สูงสุด 50,000 คน ในวันที่ 19 เมษายนเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามยืนยันว่า แม้จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่ระบบสาธารณสุขยังรองรับไหว
ด้าน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี วันนี้ได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัด และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ทุกพื้นที่ เตรียมพร้อมมาตรการรองรับ การเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชน และขอให้เข้มมาตรการความปลอดภัยส่วนบุคคล โดยเฉพาะการไปพบปะผู้สูงอายุ ขอให้สวมหน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา งดกิจกรรมการสัมผัสใกล้ชิด และเร่งให้ผู้สูงอายุ รีบไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเร็ว