แม่ค้าร้องขอพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครให้ช่วยเปิดทางทำมาค้าขายวันจันทร์ แต่พล.ต.อ.อัศวิน ยังไม่สามารถรับปากได้ เนื่องจากเกรงว่าจะขัดกฎหมายเลือกตั้ง จึงบอกว่า “กลับมาค่อยมาคุยกัน”
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างลงพื้นที่หาเสียงร่วมกัน นายศรราม ภูมิไชย ผู้สมัครส.ก.เขตดุสิต กลุ่มรักษ์กรุงเทพ ที่ตลาดศรีย่านและตลาดราชวัตร
นักวิชาการ เชื่อ 2 ขั้วการเมือง ตัดคะแนนกันเอง
"อัศวิน" แจงดรามาไม่ร่วมดีเบต เหตุติดงานซ้อน
โดยตลอดทางพ่อค้าแม่ค้าที่นี่ ต่างต้อนรับพล.ต.อ.อัศวิน อย่างอบอุ่น หลายคนขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ซึ่งหากสังเกต ส่วนใหญ่จะเป็นแม่ค้าที่มีอายุมากหน่อย ซึ่งพล.ต.อ.อัศวิน ยอมรับว่า จุดนี้ตัวเองเคยมาแก้ไขปัญหาร่วมกับพ่อค้าแม่ค้า จึงมีความคุ้นชินกัน โดยในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ตัวเองพยายามสื่อสารและทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนว่า หากได้กลับมาทำงานจะเร่งแก้ปัญหาปากท้องของคนกรุงเทพฯเป็นลำดับแรกและทำอย่างเร่งด่วน เพราะภาวะเศรษฐกิจตอนนี้ส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างมาก พร้อมสัญญาว่า หากชนะเลือกตั้ง จะไม่ลืมความตั้งใจที่พูดในวันนี้แน่นอน แต่หากไม่ชนะก็ขอให้ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ที่ชนะ อย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนเช่นกัน
ส่วนคู่แข่งคนสำคัญของพล.ต.อ.อัศวิน อย่างนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ วันนี้ลงพื้นที่เขตมีนบุรีและเขตคลองสามวา โดยเน้นไปที่การรับฟังปัญหา พูดคุย แลกเปลี่ยนกับผู้นำชุมชน พร้อมกับสำรวจปัญหาที่พ่อค้าแม่ค้าและคนย่านนี้กำลังเผชิญอยู่ โดยหลังได้ข้อมูลนายชัชชาติ ระบุว่า ปัญหาใหญ่ของหลายพื้นที่ในกทม.คือการนำงบประมาณลงไปแก้ปัญหาซ้ำซาก โดยหลังจากนี้หากได้โอกาสเข้ามาทำงานในฐานะผู้ว่าฯกทม จะรีบเดินหน้านโยบายรายเขตและทำแผนที่ดิจิทัล เพื่อบันทึกข้อมูลสภาพปัญหาและไล่แก้ไขปัญหาเฉพาะในแต่ละจุดให้ได้โดยเร็วและมีความโปร่งใส
ช่วงหนึ่งระหว่างลงพื้นที่วันนี้ นายชัชชาติ ยอมรับว่า โค้งสุดท้ายของการหาเสียง ต้องเน้นไปในจุดที่ตัวเองยังเข้าถึงชาวบ้านได้ไม่ดีนัก และต้องอาศัยผู้นำชุมชนช่วยบอกต่อวิธีคิดและนโยบายของตัวเอง เพราะเวลาที่เหลืออยู่คงลงพื้นที่ได้ไม่หมด
อีกด้านนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่ากทม. พรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ ลงพื้นที่หาเสียงในเขตราชเทวี พร้อมกับนางผุสดี วงศ์กำแหง ผู้สมัครส.ก.เขตราชเทวี โดยพุ่งเป้าขอคะแนนเสียงจากกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า โดยระหว่างลงพื้นที่ก็มีฝนตกลงมาอย่างหนัก และเกิดน้ำท่วมขัง โดยนายสุชัชวีร์ บอกว่า นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องอาศัยหลักวิศวกรรมและเทคโนโลยีในการแก้ปัญหา ซึ่งถ้าระบปั๊มและประตูน้ำของกทม.ยังไม่ทำงานอัตโนมัติ ก็ไม่มีทางแก้ไขได้ จึงขอให้คนกรุงเทพ อย่าเสียโอกาสอีกเลย
โดยวันนี้นายสุชัชวีร์และทีมงานได้ประชาชนสัมพันธ์เวทีปราศรัยใหญ่ในวันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคมนี้ ที่สวนสาธารณะหมู่บ้านนักกีฬาเขตสะพานสูง พร้อมกับ ส.ก. 7เขต คือ สะพานสูง บางกะปิ บึงกุ่ม ประเวศ ลาดกระบัง วังทองหลาง และสวนหลวง โดยยืนยันว่า วันนั้นมีไฮไลท์เด็ดอย่างแน่นอน
ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. อีกคนที่จะปราศรัยวันศุกร์ 13 พฤษภาคม ชนกับเวทีของพรรคประชาธิปัตย์ คือ นายสกลธี ภัททิยกุล โดยนายสกลธียืนยันว่า วันนั้นมีเซอร์ไพร์สแน่นอน ณ ลานคนเมือง ซึ่งตัวเองจะเปิดตัวทีมงานด้านต่างๆแบบครบถ้วน โดยขอประกาศว่า จะเป็นผู้ว่าฯกทม.ของทุกคนอย่างแท้จริง
ส่วนการลงพื้นที่วันนี้ได้พบกับประชาชนที่ตลาดบางกระบือ เขตดุสิต พบว่าจุดนี้ยังมีปัญหาความปลอดภัน ถนน ตรอก ซอก ซอย ยังมีไฟส่องสว่างไม่เพียงพอ หากได้โอกาสเป็นว่าฯกทม. จะเร่งประสานงานการไฟฟ้านครหลวงให้มาแก้ไขโดยด่วน และทีมงานได้เตรียมนโยบายเสาไฟอัจฉริยะ ที่จะเป็นทั้งไฟส่องสว่าง กล้องวงจรปิด จุดเชื่อมต่อไวไฟ และตัววัดค่าฝุ่น PM 2.5
ส่วนนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคก้าวไกล ยังคงใช้พื้นที่เวทีดีเบตและใช้กลยุทธ์รถเคลื่อนที่ปราศรัยในคอนเซ็ป มาไว ไปไว ไม่ยืดเยื้อ โดยเย็นวันนี้มีกำหนดการที่ตลาดสดเอื้ออาทร เขตบึงกุ่ม
สำหรับการช่วงชิงคะแนนเสียงในช่วงโค้งสุดท้าย ผู้สมัครทุกคนต่างๆพุ่งเป้าไปที่กลุ่มที่ยังไม่ตัดสิน ซึ่งพบว่า แต่ละโพลมีกลุ่มนี้อยู่จำนวนไม่น้อย และอาจเป็นตัวชี้วัดแพ้ชนะได้เลย เรื่องนี้มีความเห็นที่น่าสนใจจาก รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ ที่ปรึกษาสวนดุสิตโพล ที่วิเคราะห์ว่า ในกลุ่มนี้ที่ตอบโพลว่ายังไม่ตัดสินใจ จะแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ กลุ่มแรกคือ ยังตัดสินใจไม่ได้จริงๆ โดยกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มสร้างความหนักใจให้กับผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ที่สุด เพราะเดาใจไม่ได้ กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มที่ตัดสินใจเลือกแล้ว แต่ตอบโพลว่ายังไม่ตัดสินใจ ซึ่งอาจจะเกรงใจว่าฝ่ายตรงข้ามรู้ผล จะแก้เกมได้ทัน ส่วนกลุ่มที่ 3 อาจตัดสินใจ แต่ตอบว่ายังตัดสินใจไม่ได้เพราะต้องการรักษาอำนาจการต่อรองไว้กับตัวเองจนใกล้ถึงวันเลือกตั้งมากที่สุด ซึ่งรศ.ดร.สุขม เชื่อว่า การตัดสินใจของคนกทม.รอบนี้ จะยังคงไม่สามารถแยกออกจากการเมืองภาพใหญ่ได้
สอดคล้องกับ นายสติธร ธนานิธิโชติ ผอ.สำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ที่ระบุว่า ความน่าสนใจของการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.รอบนี้คือ การลุ้นว่า คนกทม.จะเลือกลงคะแนนข้ามขั้วทางการเมืองหรือยัง