เส้นทาง "แอนนา เสืองามเอี่ยม" ผู้ไม่เคยทิ้งฝัน จาก "นางงามกองขยะ" สู่ "จักรวาล" Miss Universe
มงลง! "แอนนา เสืองามเอี่ยม" คว้าตำแหน่ง Miss Universe Thailand 2022
ถูกยกให้เป็น “นางงามสู้ชีวิต” สำหรับเจ้าของตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022 สาวงามนัมเบอร์วันของเวทีระดับประเทศที่กำลังจะไปเฉิดฉายบนเวทีระดับโลก
“แอน – แอนนา เสืองามเอี่ยม” สาววัย 23 ปี ที่ต่อสู้ด้วยหัวใจสุดแข็งแกร่งเพื่อพาตัวเองมาวันที่ประสบความสำเร็จ แม้มีต้นทุนชีวิตไม่เท่าคนอื่น แต่ไม่เคยด้อยค่าตัวเองและไม่น้อยใจในโชคชะตาชีวิต ในขณะเดียวกันเธอกับมองบวกและคว้าโอกาสให้ตัวเองเสมอ
เปิดคำตอบมงลง “แอนนา เสืองามเอี่ยม” คว้า Miss Universe Thailand 2022
“พีพีทีวี นิวมีเดีย” มีโอกาสได้ฟังเรื่องราวของเธอที่เล่าด้วยแววตาแห่งความมุ่งมั่นและหลั่งน้ำตาแห่งความภูมิใจ เมื่อความพยายามที่ทุ่มเทและผู้อยู่เบื้องหลังส่งให้มีวันนี้
“แอนน่า” เล่าด้วยน้ำเสียงสุดดีใจว่า “ตอนที่หนูถูกประกาศชื่อว่าเป็น “มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022” ในใจหนูกรี๊ดแรงมาก กรี๊ดไปตามแฟนคลับเลยค่ะ ดีใจมากๆเลยค่ะ ตอนนี้ก็ยังตื่นเต้นอยู่เลยค่ะ ตอนที่รับมงเสร็จไม่ร้องไห้ แต่ตอนนี้ร้องไห้แทบทุกวันเลยค่ะ (หัวเราะ) สัมภาษณ์ก็ร้องไห้ คือตอนรับมง MUT 2022 เหมือนยังจูนไม่ติด ยังช็อกอยู่ หนูคิดว่ารอบไฟนอลเป็นอีกหนึ่งอีพีที่ชาเลนจ์สาวงาม แต่จริงๆคือจบแล้ว (ยิ้ม) พอรุ่งขึ้นอีกวันหนูได้เจอพี่ๆสื่อพอได้สัมภาษณ์ภาพเก่าๆของตัวเองมันก็ตีกลับมาว่าที่ผ่านมาเราผ่านอะไรมาบ้าง เราสู้อะไรมาบ้าง ใครบ้างที่ส่งกำลังใจให้เรา อะไรบ้างที่ทำให้เรามาอยู่จุดนี้ มาแล้ว เริ่มมาแล้ว น้ำตามา มันคุ้มค่ามากๆเลยค่ะกับสิ่งที่สู้มา (ยิ้ม)”
ในรอบคีย์เวิร์ดว่าอยากมาเวที MUT 2022 เพราะอยากประสบความสำเร็จ และเป็น “เสือนักล่า เสือนักสู้” วันนี้ทำได้แล้ว?
“ดีใจมากๆค่ะ ดีใจที่ทุกคนคอยเชียร์แอนนามาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็ยังมีคนซัพพอร์ตเสมอ แอนนาเชื่อว่าทุกแรงเชียร์จะเป็นแรงผลักดันให้แอนนาทำสิ่งต่างๆสำเร็จได้ เหมือนว่าเราสู้แล้วแต่มีคนสู้ไปด้วยกัน แอนนาเชื่อว่าแอนนาจะทำได้ มันคือกฎของแรงดึงดูค่ะ และแอนน่าเชื่อว่าจะเป็นตัวแทนของประเทศไทยให้ดีที่สุดค่ะ
แอนนาเชื่อในกฎของแรงดึงดูด ที่ผ่านมาแอนนามองภาพว่าตัวเองสวมมงกุฎตลอด อย่างแรกเลยจินตนาการไว้ว่าต้องได้มงนี้นะ แล้วภาพมันก็ค่อยๆเติมเต็มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากเป็นกฎของแรงดึงดูดแล้วยังทำให้แอนนาสู้ด้วย แล้วภาพนั้นมันก็กลับมาจริงๆในวันที่แอนนาได้ตำแหน่งค่ะ (ทำท่าสวมมงกุฎ) วันเดียวเปลี่ยนชีวิตผู้หญิงคนนึงไปตลอดกาล เปลี่ยนชีวิตหนูจริงๆค่ะ
แล้วแอนนาก็เชื่อว่า ไม่ว่าเราจะมีเป้าหมายอะไร เราทำเพื่ออยากประสบความสำเร็จ อยากทำเพื่อให้เราพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นเรื่อยๆ อยากมีโอกาสในชีวิตตัวเอง เวทีนี้ก็เหมือนกันถ้าแอนนาทำได้ แอนนาประสบความสำเร็จเหมือนกัน แต่เวทีนี้มันแตกต่างจากเป้าหมายเดิมๆเลยก็คือ ถ้าแอนนาอยากทำเพื่อตัวเอง แอนนาทำ แอนนาได้ แต่ถ้าแอนนาไม่ทำ แอนนาก็ไม่ได้ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่แอนนาแล้ว เพราะแอนนามาอยู่ตรงนี้แอนนาพูดเลยว่าอยากมาเป็นตัวแทน อยากเอาเรื่องราวของแอนนามาส่งคุณค่าให้กับทุกคน อยากให้ทุกคนรับรู้ว่าเราเจออะไรมาบ้าง เพื่อที่จะให้เขาโฟกัสเด็กที่กำลังเจอและช่วยเหลือพวกเขา แอนนาชนะ ทุกคนชนะด้วยเหมือนกัน มันเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่มาก มันแตกต่างจากเป้าหมายที่ผ่านมา นี่คือคอนเซ็ปต์ “NEW BEGINNINGS” ของแอนนาบนเวทีนี้ค่ะ (ยิ้ม)”
มงกุฎนี้อยากเอาไปให้คุณแม่ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังในทุกๆความสำเร็จ?
“ใช่ค่ะ วันที่แอนนาได้มงท่านนอนไปก่อนค่ะ (หัวเราะ) เพราะท่านทำงาน แอนนาคิดว่าทุกๆอย่างที่คุณแม่แนะนำมาตลอดในเรื่องที่ว่าลูกต้องเรียนให้จบนะ จะได้ประสบความสำเร็จ จะได้มีโอกาสเข้ามา มันคือเรื่องจริง เพราะถ้าแอนนาไม่โฟกัสเรื่องการเรียน ปล่อยปะละเลยก็จะไม่มีแอนนาในตรงนี้ ก็ต้องขอบคุณคุณแม่ค่ะ (น้ำตาคลอ)
ตอนที่แอนนาโทรไปหาท่านตอนเช้า คุณแม่ก็บอกว่า “ดีใจด้วยนะลูก” เป็นคำธรรมดาแต่ว่ายิ่งใหญ่มากๆสำหรับหนู คำเดียวแต่อิมแพคมากๆ (น้ำตาคลอ) ก็ร้องไห้ค่ะ คือจริงๆน้ำตามาตั้งแต่หนูโทรไปขอกำลังใจจากท่านก่อนขึ้นเวทีรอบไฟนอลแล้ว เพราะเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่มากๆ กำลังใจที่ดีที่สุดก็คือกำลังใจจากคนที่ซัพพอร์ตเราก็คือคุณแม่ค่ะ อยากบอกแม่ว่าแอนนาขอบคุณมากๆ (ร้องไห้) ขอบคุณที่สนับสนุนแอนนา ขอบคุณที่ทำทุกอย่างเพื่อแอนนา เพราะคุณแม่ทำให้แอนนามีวันนี้ได้จริงๆ วันนี้หนูทำได้แล้วนะคะแม่ (ยิ้ม)”
พอเรื่องราวชีวิตของ “แอนนา” ถูกเผยแพร่ออกไป ถูกยกให้เป็น “นางงามสู้ชีวิต”?
“หนูชอบคำนี้ค่ะ (ยิ้ม) และหนูชอบทุกคำที่แฟนคลับหรือว่าหลายๆคนมอบให้หนู ทุกๆคำเป็นโพสิทีฟหมดเลย ก็คือเรื่องจริงค่ะ ถ้าแอนนาไม่สู้ก็คงไม่มีวันนี้ และแอนนาไม่ได้อยากให้คำนี้เกิดขึ้นแค่ตัวแอนนาค่ะ อยากให้ทุกคนสู้เหมือนกัน อยากให้ทุกคนคิดว่าสู้ได้ ไม่ว่าจะเจอกับอะไรก็สู้ได้ค่ะ ถ้าคุณรักตัวเองมากพอคุณก็จะไม่ดูถูกตัวเอง คุณจะคิดว่าตัวเองทำได้และจะสู้ได้
ต้นทุนชีวิตแอนนาอาจจะไม่เท่าคนอื่น แต่แอนนาไม่เคยด้อยค่าตัวเอง ไม่เคยโทษโชคชะตาชีวิต เพราะเราเลือกไม่ได้ค่ะ แต่เกิดมาแล้วจะเลือกเส้นทางไหน ถ้าเลือกด้อยค่าตัวเองเท่ากับว่าเลือกแล้วว่าจะไปเส้นทางที่จะทำให้ตัวเองด้อยค่าตัวเอง เพราะฉะนั้นไม่สำคัญเลยว่าจะเกิดมาจากอะไร แต่สำคัญว่าเมื่อประสบความสำเร็จแล้วสิ่งนั้นจะเป็นคำตอบให้เองว่าด้อยค่าตัวเองหรือเปล่า
การสู้ของแอนนา คิดแค่ว่าโอกาสมันไม่ได้เกิดขึ้นกับเราตลอด เมื่อมีโอกาสเข้ามาแล้วทำยังไงถึงจะทำโอกาสตรงนี้ได้ แต่ก่อนหนูไม่เคยรู้คุณค่าของ “โอกาส” เลยนะคะ จนมาเวทีนี้ มีโอกาสครั้งนี้แอนนาคิดแค่ว่าทำยังไงก็ได้ที่ทำแล้วจะไม่ได้รู้สึกว่าอยากกลับไปทำอีกครั้ง ถ้าจะทำแล้วต้องทำให้เต็มที่ ถ้า ณ วันนี้แอนนาไม่ได้เป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ แอนนาเสียใจ แต่จะต้องโฟกัสว่าตัวเองจะต้องไม่เสียดายที่ได้มาประกวดครั้งนี้ แอนนาคิดว่าถ้าคิดว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตก็จะทำยังไงกับวันนี้ จะทำให้มีแรงสู้ขึ้นได้ ชีวิตมีแค่ครั้งเดียวใช้ให้คุ้ม รักตัวเองให้มาก
แอนนายอมรับนะคะว่าเคยน้อยใจบ้าง แต่ก็อดทน แอนนารู้ค่ะว่าทุกคนไม่สามารถที่ทำให้ตัวเองมีอารมณ์ดีใจได้ตลอด แอนนาก็เป็นเหมือนกัน บางครั้งมีเรื่องที่เสียใจที่เราอาจจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น แต่มันอยู่ที่ว่าจะคิดได้ในระยะเวลาแค่ไหน คิดได้ ทำได้เลย หรือจะโฟกัสกลับมาที่ปัจจุบันได้เร็วแค่ไหน แค่นั้นเอง เพราะฉะนั้นล้มได้ คิดลบได้ แต่จะต้องพาตัวเองกลับมาสู้ต่อให้ได้เหมือนกัน เราคือมนุษย์เราไม่ได้มีความสุข ไม่ได้โลกสวยตลอดเวลา มันอยู่แค่ว่าจะพาตัวเองกลับมาได้เร็วแค่ไหนค่ะ”
ความแข็งแกร่งของ “แอนนา”?
“แอนนาคิดว่าทุกคนถ้าย้อนกลับไปมองสิ่งที่ผ่านมา ทุกคนสู้มาหมดค่ะ และสามารถส่งต่อสิ่งบวกให้คนอื่นๆได้เสมอ อยู่ที่ว่าจะส่งต่อด้วยวิธีไหน แอนนาเลือกที่จะส่งต่อด้วยการเป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ และดีใจที่ทุกคนเห็นคุณค่าที่แอนนาส่งต่อให้
ในช่วงเวลาหนึ่งที่แอนนาต้องไปอยู่กับทวดแม่ชีที่วัด แอนนาคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่เลือกไม่ได้ แอนนาจะไม่ใช้คำว่าตัวเอง “แข็งแกร่ง” แต่แอนนามองว่าอย่างน้อยแอนนาก็มีกิน ต่อให้แอนนากินข้าวก้นบาตรหรือกินข้าวกับอะไร เราก็มีกินและทำให้แอนนาโตขึ้นได้ เพราะฉะนั้นภูมิใจกับสิ่งที่มีตรงหน้าดีกว่าค่ะ แต่ว่าถ้าอยากได้มากกว่าก็แค่ทำให้ได้มากกว่า พยายามทำยังไงก็ได้ให้ข้าวมื้อถัดไปดีกว่ามื้อก่อนหน้า นั่นจะเป็นแรงสู้มากกว่า คิดให้เป็นแง่บวกค่ะ
สำหรับแอนนา อาหารมื้อที่ดีที่สุดคือวันเสาร์ช่วงเย็น ไม่ว่าจะกินกับอะไรแอนนาจะถือว่าเป็นมื้อพิเศษ เพราะเป็นวันที่คุณแม่ทำงานแค่ 2 ที่ ก็จะกินพร้อมกันเลยทั้งคุณแม่ แอนนา และจะมีคุณทวดนั่งอยู่ด้วย มื้อพิเศษของแอนนาไม่ใช่ว่าอาหารจะต้องดีแค่ไหน อยู่ที่ว่าทานกับใครมากกว่า คุณแม่แอนนาทำงานวันละ 3 ที่ ทำให้เราไม่ค่อยมีเวลาได้ทานข้าวหรืออยู่ด้วยกัน”
ทำงานพิเศษระหว่างเรียน เพราะอยากช่วยแบ่งเบาภาระคุณแม่?
“ใช่ค่ะ ช่วงม.ปลายมีทำพาร์ทไทม์ช่วงปิดเทอมค่ะ ทำอยู่ช่วงนึง และแอนนาโชคดีที่รู้จักผู้ใหญ่ใจดีหลายๆท่าน ช่วงมหาวิทยาลัยก็ได้มีโอกาสไปแคสงาน แคสโฆษณาบ้าง ไปประกวดบ้าง แต่จริงๆแล้วคุณแม่ไม่ค่อยอยากให้ทำเพราะอยากให้โฟกัสเรื่องเรียน แม่บอกว่าทำงาน 3 ที่เพราะอยากให้ลูกตั้งใจเรียนจนประสบความสำเร็จ คุณแม่ของแอนนา 1 วัน ทำงาน 3 ที่ ตั้งแต่ตี 5 ถึง 3 ทุ่ม มีกวาดขยะ เป็นแม่บ้าน และเป็นพนักงานล้างจาน คุณแม่ทำทุกอย่างเพื่อที่จะซัพพอร์ตแอนนาให้ได้เรียน นั่นคือเป้าหมายของคุณแม่ค่ะ แต่พอแอนนาโตก็อยากที่ช่วยท่านบ้าง และเมื่อมีโอกาสที่ได้เงินเข้ามาก็พร้อมที่จะลุยค่ะ คุณแม่มายอมให้เริ่มทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยช่วงที่เข้ามหาวิทยาลัย เพราะไม่ได้เรียนเต็มวัน ก็พอมีเวลาไปแคสงานหรือไปทำงานค่ะ คุณแม่ท่านก็เป็นเบื้องหลังที่คอยซัพพอร์ต คุณทวดก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ซัพพอร์ตแอนนา แต่ท่านเสียก่อนที่แอนนารับปริญาค่ะ แต่แอนนาเชื่อว่าท่านรับรู้ได้ค่ะ”
กับเส้นทางนางงามเริ่มต้นได้อย่างไร?
“เริ่มจากที่มีคนชักชวนมา ซึ่งตอนแรกแอนนาก็ไม่รู้ว่าถ้าได้ตำแหน่งแล้วจะได้อะไรบ้าง นางงามไม่ใช่สิ่งที่เป็นความฝันของแอนนาในวัยเด็ก เมื่อก่อนแอนนาอยากเป็นแอร์โฮสเตส เพราะตอนเด็กไม่ค่อยได้เที่ยวเลยคิดว่าจะมีอาชีพไหนบ้างที่ทำงานด้วยและได้เที่ยวด้วย แต่สุดท้ายจับพลัดจับผลูมาเป็นนางงาม แต่พอเริ่มมาเข้าสู่เส้นทางนี้แล้วก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายเลยค่ะ แรกๆยอมรับว่าการประกวดนางงามยากมาก เวทีแรกร้องไห้ 3 วัน เพราะตอนนั้นยังไม่ได้เตรียมตัวขนาดนั้นค่ะ ทำให้พอหลังจากนั้นแอนนาก็เริ่มเตรียมตัวและเตรียมความพร้อม ตั้งใจทำให้เต็มที่
เวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์สอนแอนนาเยอะมาก เมื่อก่อนแอนนาไม่เคยรู้เลยว่าเรื่องราวที่ผ่านมาของแอนนามันสามารถสะท้อนได้ แต่พอรู้จักเวทีนี้ รู้จักทีม ทำให้มาย้อนคิดได้ว่า “มันจะดีกว่าไหม ถ้าเกิดมาครั้งนึงสามารถทำเพื่อคนอื่นได้ด้วย มันคุ้มค่าแค่ไหนที่เราได้ทำ” แอนนาไม่อายกับสิ่งที่ผ่านมา และในวันที่ประสบความสำเร็จแล้ว ชีวิตของแอนนาสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ก็ยินดีที่จะเล่าซ้ำๆให้ทุกคนได้ฟัง
แต่สิ่งที่แอนนาอยากบอกทุกคน คือสุดท้ายแล้วสิ่งที่จะทำให้สู้ต่อไป ไม่อยากให้โฟกัสแค่เรื่องภูมิหลังของแอนนา อยากให้โฟกัสอนาคตข้างหน้าของแอนนา ยังมีสิ่งที่แอนนาอยากจะอิมแพคออกไป แอนนามาเพราะ “การศึกษา” และ พ่อแม่ของแอนนาทำงานเกี่ยวกับเก็บกวาดขยะ แอนนาก็อยากช่วยเรื่องนี้เหมือนกันในเรื่องของขยะ เพราะฉะนั้นแอนนาอยากให้สตอรี่ที่ผ่านมาของแอนนาเป็นแรงบันดาลใจในอนาคตที่แอนนาจะทำ
มาถึงตรงนี้แล้ว แอนนาอยากขอบคุณทุกคนเลยค่ะ ขอบคุณครอบครัว ขอบคุณทีม ขอบคุณแฟนคลับ เพราะถ้าไม่มีทุกคนก็คงไม่มีแอนนาในวันนี้ ทุกคนเหมือนเป็นแรงผลักดันให้แอนนามาถึงมง แอนนาประทับใจทุกโมเมนต์เลยค่ะ ทุกเวลาในการประกวดมีคุณค่าสำหรับแอนนาหมดเลย (น้ำตาคลอ) ถ้ายังมีทุกคนคอยซัพพอร์ตแบบนี้ แอนนาเชื่อว่าแอนนาก็จะทำหน้าที่ในการเป็นตัวแทนประเทศไทยได้เป็นอย่างดีค่ะ (ร้องไห้) นี่เป็นน้ำตาแห่งความภูมิใจนะคะ อยากให้ทุกคนส่งกำลังใจให้แอนนาต่อนะคะ”
“แอนนาเสือ” พร้อมไปขย้ำ “มงสาม” เวทีจักรวาล?
“แอนนาพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองในทุกๆด้าน จะไม่โฟกัสการพัฒนาแค่เรื่องเดียว บางคนบอกให้แอนนาโฟกัสภาษา แอนก็จะโฟกัสเรื่องภาษาแต่ก็จะพัฒนาเรื่องอื่นด้วย เพราะแอนนาพัฒนาได้มากกว่านี้ แอนนาอยากพร้อมที่สุด ไป “มิสยูนิเวิร์ส” เป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่มากๆและแอนนาภูมิใจมากๆค่ะ แอนนามาที่นี่ แอนนายอมฉีกความฝันอื่นทิ้งเพื่อที่จะมาทำความฝันนี้ แอนนาสู้สุดใจ ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไรก็พร้อมสู้ค่ะ เป็นกำลังใจให้แอนนาด้วยนะคะ”
“แอนนา” MUT 2022 ตื่นเต้นเจอ “ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์” ให้คำแนะนำไปชิงมงสาม “มิสยูนิเวิร์ส”
“แอนนา” MUT 2022 ตื่นเต้นเจอ “ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์” ให้คำแนะนำไปชิงมงสาม “มิสยูนิเวิร์ส”
“คิมเบอร์ลี่” ทำใจถ้าไม่ได้กระเป๋าหรูคืน ยังตอบไม่ได้คนเดียวกรณี “แอน ทองประสม”
