ข้อได้เปรียบวัคซีนโควิด-19 จาก “โมเดอร์นา”


โดย PPTV Online

เผยแพร่




บริษัท โมเดอร์นา อิงค์ ประกาศผลทดสอบเฟส 3 วัคซีนโควิด-19 “mRNA-1273” บางคุณสมบัติเป็นข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับวัคซีนของ ไฟเซอร์ อิงค์

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน บริษัท ไฟเซอร์ อิงค์ แถลงผลการทดสอบวัคซีนโควิด-19 “BNT-162” ในเฟสที่ 3 มีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 มากกว่า 90% สร้างความหวังให้กับผู้คนทั้งโลก

วัคซีนต้านโควิด จาก โมเดอร์นา ได้ผลมากกว่า 94.5%

ความหวังมวลมนุษยชาติ วัคซีนโควิด-19 “BNT162”

ล่าสุดมีอีกหนึ่งบริษัทประกาศความสำเร็จเช่นกัน ที่สำคัญยัง “ขิง” สุด ๆ เพราะบอกว่ามีประสิทธิภาพป้องกันโควิด-19 ถึง 94.5% นั่นก็คือบริษัท โมเดอร์นา อิงค์ (Moderna Inc.) ผู้พัฒนาวัคซีนโควิด-19 “mRNA-1273” ร่วมกับสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NIAID)

ทำไมวัคซีนโควิด-19 “โมเดอร์นา” จึงน่าสนใจกว่า “ไฟเซอร์”

นักลงทุนคาดว่า หากประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 ของวัคซีนจากโมเดอร์นาสูงกว่าวัคซีนของไฟเซอร์จริง (94.5% ต่อ 90%) ก็เป็นไปได้สูงว่า นักลงทุนรวมถึงประเทศต่าง ๆ จะสนใจวัคซีนที่มีผลลัพธ์ดีกว่า

นอกจากนี้ อีกประเด็นสำคัญซึ่งอาจทำให้ประเทศต่าง ๆ ให้ความสนใจวัคซีน mRNA-1273 มากกว่าคือเรื่องของโลจิสติกส์ การขนส่ง

วัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นาสามารถเก็บรักษาไว้ได้ที่อุณหภูมิ 2-7 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิมาตรฐานของตู้เย็นในครัวเรือนทั่วไป โดยเก็บได้นานถึง 30 วัน แต่หากเก็บไว้ที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส จะเก็บได้นาน 6 เดือน ซึ่งนับว่าเป็นอุณหภูมิที่ง่ายต่อการเก็บรักษาและขนส่งมากกว่าวัคซีน BNT-162 ของไฟเซอร์ ซึ่งต้องใช้อุณหภูมิถึง -70 องศาเซลเซียส

อย่างก็ตาม จำนวนวัคซีนโควิด-19 ที่ 2 บริษัทนี้ผลิตได้ก็อาจเป็นอีกปัจจัย ภายในสิ้นปีนี้ โมเดอร์นาคาดว่า จะสามารถผลิตวัคซีนโควิด-19 ได้ประมาณ 20 ล้านโดส ซึ่งเบื้องต้นจะจัดส่งเฉพาะในสหรัฐอเมริกาก่อน ส่วนในปี 2021 จะผลิตให้ได้ 500-1,000 ล้านโดสต่อปี ขณะที่ไฟเซอร์สามารถผลิตวัคซีน BNT-162 ได้ 50 ล้านโดสในปีนี้ และปีหน้าจะผลิตให้ได้ 1,300 โดส จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า บริษัทที่ผลิตวัคซีนโควิด-19 ได้มากกว่า ก็มีโอกาสแพร่กระจายมากกว่า

อาซาร์บอกว่า เมื่อสหรัฐฯ มีวัคซีนโควิด-19 ทั้งจากไฟเซอร์และโมเดอร์นา จะทำให้สหรัฐฯ มีวัคซีนเพียงพอที่จะฉีดให้กับประชาชนราว 20 ล้านคน เนื่องจากแต่ละคนต้องได้รับวัคซีน 2 โดส โดยประชากรสหรัฐอเมริกาปัจจุบันอยู่ที่ราว 331 ล้านคน

ขณะที่สหราชอาณาจักรสั่งจองวัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นาไว้ 5 ล้านโดส และประกาศว่า ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิเป็นต้นไป (ราวเดือนมีนาคม) ประชาชนในสหราชอาณาจักรจะมีวัคซีน mRNA-1273 เพียงพอที่จะฉีดให้กับประชาชน 2.5 ล้านคน โดยวางแผนจัดลำดับความสำคัญให้กลุ่มผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงติดโควิด-19 ได้รับวัคซีนก่อน นอกจากนี้ยังสั่งจองวัคซีนจากไฟเซอร์ไว้ 40 ล้านโดสอีกด้วย

ในเดือนสิงหาคม โมเดอร์นากล่าวว่า ราคาวัคซีน mRNA-1273 ต่อเข็มอาจอยู่ที่ราว 32-37 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 965-1,116 บาท) โดยหากสามารถผลิตได้จำนวนมาก ราคาอาจถูกลงกว่านี้

ไฟเซอร์ อิงค์ คาดปีนี้ผลิตวัคซีนโควิด-19 ได้ 50 ล้านชุด

เส้นทางวัคซีนโควิด-19 “mRNA-1273”

หากเทียบช่วงเวลาที่เริ่มต่อสู้กับโควิด-19 โมเดอร์นา อิงค์ ถือเป็นหนึ่งในผู้ที่ก้าวออกมาแสดงความจำนงต้องการสร้างวัคซีนโควิด-19 เป็นแห่งแรก ๆ ของโลก เริ่มก่อนไฟเซอร์ราว 2 เดือน

13 มกราคม 2020 หลังจากที่ประเทศจีนเผยแพร่ข้อมูลลำดับพันธุกรรมเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โมเดอร์นาได้เริ่มพัฒนาวัคซีนด้วยเทคโนโลยี mRNA (messenger RNA) เทคโนโลยีเดียวกับที่ไฟเซอร์ใช้ในการพัฒนาวัคซีน BNT-162

วัคซีนชนิด mRNA จะบรรจุพันธุกรรมที่สร้างโปรตีนโคโรนาไวรัสที่เรียกว่าโปรตีนหนาม เมื่อฉีดเข้าไปในเซลล์ วัคซีนจะทำให้เซลล์สร้างโปรตีนขัดขวางซึ่งจะถูกปล่อยเข้าสู่ร่างกายและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้จดจำการสร้างโปรตีนที่ใช้ในการขัดขวางเชื้อโควิด-19

ต้นเดือนกุมภาพันธ์ บริษัทฯ พัฒนาวัคซีน mRNA-1273 เพื่อการทดสอบทางคลินิกชุดแรกสำเร็จ และเริ่มการทดสอบในเฟส 1 ช่วงกลางเดือนมีนาคม ระหว่างการทดสอบเฟส 1 โมเดอร์นาได้รับทุนสนับสนุนจากหน่วยงานวิจัยและพัฒนาทางชีวการแพทย์ขั้นสูง (BARDA) รวมถึงได้รับ Fast Track จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA)

กระทั่งวันที่ 18 พฤษภาคม โมเดอร์นาประกาศข้อมูลการทดสอบทางคลินิกเฟส 1 พบว่า ผลลัพธ์ของวัคซีน mRNA-1273 ออกมาในทางบวก จึงเร่งดำเนินการพัฒนาต่อ และเริ่มการทดสอบเฟส 2 ในปลายเดือนเดียวกัน

ต่อมาในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม โมเดอร์นาเริ่มต้นการทดสอบทางคลินิกเฟส 3 และใช้เวลากว่า 2 เดือนในการทดสอบ จนประกาศความสำเร็จในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2020 ที่ผ่านมา

คู่รักนักวิจัย เบื้องหลังความสำเร็จวัคซีนโควิด-19 ของ Pzifer และ BioNTech

ผลการทดสอบเฟส 3 วัคซีน mRNA-1273

จากการทดสอบทางคลินิกในอาสาสมัครกว่า 30,000 คน พบผู้ติดเชื้อโควิด-19เพียง 95 คน โดยอยู่ในกลุ่มที่ได้รับยาหลอก (Placebo) 90 คน ในกลุ่มที่ได้รับการฉีดวัคซีน 2 โดส 5 คน ส่งผลให้ประสิทธิภาพของวัคซีน mRNA-1273 โดยประมาณอยู่ที่ 94.5%

การแถลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังการแถลงวัคซีนโควิด-19 ของ จากบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ และ BioNTech เพียง 1 สัปดาห์

ด้าน อเล็กซ์ อาซาร์ (Alex Azar) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ จะเร่งดำเนินการอนุมัติให้สามารถนำวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์และโมเดอร์นามาใช้ในกรณีฉุกเฉินได้

ซีอีโอของโมเดอร์นา สเตฟาน แบนเซล (Stephane Bancel) กล่าวในการแถลงว่า “ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม เราพยายามต่อสู้กับไวรัสตัวนี้ด้วยความตั้งใจที่จะปกป้องผู้คนทั่วโลกให้ได้มากที่สุด ตลอดมาเรารู้ดีว่าแต่ละวันที่เราใช้ในการวิจัยมีความสำคัญมากแค่ไหน”

บริษัทฯ กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่มีข้อกังวลด้านความปลอดภัย มีเพียงอาการข้างเคียงที่ได้รับการประเมินว่าอยู่ในระดับที่สามารถทนได้ ได้แก่ ความเจ็บปวดบริเวณที่ฉีด และหลังการให้วัคซีนครั้งที่ 2 จะมีอาการเมื่อยล้า ปวดกล้ามเนื้อ และปวดศีรษะ

แบนเซลกล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะทดสอบวัคซีน mRNA-1273 ในวัยรุ่นเร็ว ๆ นี้ ตามด้วยการทดสอบในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี

ทั้งนี้ แนวโน้มที่ประเทศไทยจะนำเข้าวัคซีนโควิด-19 จากต่างประเทศยังคงมีน้อย

ดาวโจนส์ทะยาน น้ำมันพุ่ง ทองร่วง รับข่าว “ไฟเซอร์ อิงค์” แถลงวัคซีนโควิด-19 ได้ผล 90%

รัสเซีย เผยวัคซีนโควิด "Sputnik V" ได้ผล 90% เหมือนไฟเซอร์

เรียบเรียงจาก BBC / CNBC

ภาพจาก AFP / Getty Image

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ