อดีตผู้นำโลกเรียกร้อง G7 ช่วยประเทศยากจนซื้อวัคซีน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ขณะนี้ทั่วโลกแจกจ่ายวัคซีนให้ประชาชนไปแล้วกว่า 2,120 ล้านโดส แต่ปัญหาก็คือ ร้อยละ 75 ของวัคซีนเหล่านั้นกระจุกตัวอยู่ใน 10 ประเทศร่ำรวยเท่านั้น กลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางและรายได้ต่ำยังเข้าไม่ถึงวัคซีน ล่าสุดอดีตผู้นำโลกนับร้อยคนรวมตัวกันเรียกร้องให้ประเทศกลุ่ม G7 มอบเงินช่วยเหลือแก่ประเทศยากจนสำหรับจัดซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19

อดีตผู้นำและผู้มีบทบาททางการเมืองของโลกกว่า 230 คนทำหนังสือถึงกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ประเทศ หรือ G7 เรียกร้องให้กลุ่มประเทศ G7 รับประกันในการจัดสรรเงินเพื่อซื้อวัคซีนให้ประเทศยากจนอย่างน้อยปีละ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 930,000 ล้านบาท เป็นเวลาสองปี

ในรายชื่อการเรียกร้องมีชื่อของ กอร์ดอน บราวน์ และโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร รวมไปถึงบัน คี มูน อดีตเลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ และอดีตผู้นำชาติแอฟริกันอีก 15 คนด้วย

เช็กด่วน! รพ.ทยอยประกาศ พรุ่งนี้ 8 มิ.ย.ต้องเลื่อนฉีดวัคซีน เหตุวัคซีนจำกัด

สัปดาห์นี้ลงนาม เปิดสูตร 20 - 5 ซื้อวัคซีนไฟเซอร์ - จอห์นสันฯ "อนุทิน" ปลื้มคิกออฟวันแรกฉีดแล้ว 3 แส...

หนังสือที่มีถึงกลุ่มประเทศ G7 ระบุว่า ความช่วยเหลือดังกล่าวคือสิ่งจำเป็นในการยับยั้งการกลายพันธุ์ของโควิด-19 เพราะไวรัสกลายพันธุ์ส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะลดทอนประสิทธิภาพของวัคซีนที่ทั่วโลกมีอยู่ ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์รุนแรงกว่าเดิม

ประเด็นที่น่าสนใจในข้อเรียกร้องนี้คือ การอธิบายว่า เงินสนับสนุนของกลุ่มประเทศร่ำรวยเพื่อซื้อวัคซีนให้กับประเทศยากจนไม่ใช่เรื่องการบริจาคหรือทำการกุศล แต่เป็นการปกป้องผลประโยชน์ร่วมกันของทุกประเทศทั่วโลก เพราะไม่มีประเทศไหนปลอดภัยจากไวรัส จนกว่าทุกประเทศจะปลอดภัย

กู้ภัยร้องลงชื่อฉีดวัคซีน แต่กลับไม่ได้ฉีด

กลุ่ม G7 ประกอบไปด้วย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา โดยความมั่งคั่งของทั้ง 7 ประเทศคิดเป็นร้อยละ 62 ของความมั่งคั่งสุทธิของโลก

การยื่นหนังสือเรียกร้องของอดีตผู้นำโลกเกิดขึ้นก่อนที่การประชุมสุดยอดกลุ่มผู้นำ G7 ครั้งที่ 47 จะถูกจัดขึ้นที่มณฑลคอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษในวันที่ 11-13 มิ.ย.นี้ จะเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองปีที่ผู้นำประเทศ G7 จะเดินทางเข้ามร่วมการประชุมด้วยตัวเอง หลังจากการประชุมเมื่อปีที่แล้วถูกยกเลิกเพราะโควิด-19

ไม่กี่วันก่อนที่การประชุมสุดยอดกลุ่มผู้นำ G7 จะถูกจัดขึ้น บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรได้แถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้ประเทศสมาชิก G7 ให้คำมั่นสัญญาว่าจะฉีดวัคซีนให้ประชากรโลกทุกคนภายในสิ้นปี 2022 เพื่อยุติการระบาดของโควิด-19 และทำให้แน่ใจว่าหายนะที่เกิดจากโรคระบาด ไม่ว่าจะเป็น ผลกระทบด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจจะไม่เกิดขึ้นอีก

สธ.กราบขออภัยประชาชน มีบางรายชื่อหลุดคิว "หมอพร้อม"

โดยนายกฯ จอห์นสันระบุว่า การฉีดวัคซีนให้ประชาชนโลกทุกคนในอีก 18 เดือนข้างหน้าจะเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การแพทย์

การเรียกร้องให้ประเทศร่ำรวยช่วยเหลือประเทศยากจนในการจัดหาวัคซีนเกิดขึ้นเนื่องจากตอนนี้ประเทศร่ำรวยต่างเดินหน้าฉีดวัคซีนให้เด็กและประชาชนทั่วไปของตัวเองก่อน ในขณะที่บางประเทศยังมีวัคซีนไม่เพียงพอสำหรับประชาชนกลุ่มเปราะบาง

ซึ่งองค์การอนามัยโลกเคยแนะนำแล้วว่า ทั่วโลกควรฉีดวัคซีนให้ประชาชนกลุ่มเปราะบางของทุกประเทศก่อน จึงจะสามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้เรามาดูว่าตอนนี้ประเทศไหนในโลกที่ฉีดวัคซีนมากที่สุด

นี่คือ 5 ประเทศที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประชากรมากที่สุด โดยคิดเป็นอัตราส่วนจำนวนโดสต่อประชากร 100 คน ได้แก่

1. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 135 โดส

2. อิสราเอล 117 โดส

3. บาห์เรน 110 โดส

4. อารูบา 110 โดส (ประเทศเกาะเล็กๆ ในแคริบเบียน มีประชากรแค่แสนคน)

5. มอลตา 109 โดส

หมายความว่าทุกชาติใน 5 อันดับนี้ ล้วนมีวัคซีนเกินจำนวนประชากรในประเทศ

ส่วน 5 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้ประชาชนน้อยที่สุดเมื่อคิดเป็นอัตราส่วนจำนวนโดสต่อประชากร 100 คน ได้แก่

1. คองโก น้อยกว่า 0.1 โดส

2. เซาท์ซูดาน 0.1 โดส

3. วานูอาตู 0.1 โดส

4. เบนิน 0.1 โดส

5. ปาปัวนิวกินี 0.1 โดส

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ