อังกฤษเปิดประเทศวันแรก ไม่หวั่นแม้ผู้เชี่ยวชาญเตือน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




วันนี้คือวันแรกที่สหราชอาณาจักรคลายล็อกดาวน์เฟสสุดท้ายที่เอื้อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ หลังจากเมื่อเดือนที่แล้วกำหนดการดังกล่าวถูกเลื่อนเพราะการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา การคลายล็อกดาวน์เกิดขึ้นถึงแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อยังสูงอยู่

บรรยากาศจากกรุงลอนดอน เมืองหลวงของอังกฤษ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นวันแรกของวันแห่งอิสรภาพหรือ Freedom Day ที่รัฐบาลอังกฤษสั่งมาตรการล็อกดาวน์เกือบทุกข้อ ภาพมุมสูงเผยให้เห็นประชาชนจำนวนมากออกมานั่งปิกนิกในสวนสาธารณะ

ส่วนในเมืองประชาชนส่วนใหญ่กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แม้การใส่หน้ากากอนามัยจะไม่ใช่การบังคับอีกต่อไป แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงใส่หน้ากากอนามัย โดยเฉพาะในสถานที่ปิดอย่างรถไฟใต้ดิน ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

สหราชอาณาจักร เลื่อนแผนคลายล็อกดาวน์ไปอีกหนึ่งเดือน

สหราชอาณาจักรพบโควิด-19 กลายพันธุ์ 2 ตำแหน่งจากอินเดีย

แม้ว่าจะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการเปิดประเทศครั้งนี้ แต่ส่วนใหญ่ยังคงมองว่าหน้ากากอนามัยเป็นสิ่งจำเป็นในการป้องกันตัวเองจากไวรัส บางรายระบุว่า เขาจะหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง อย่างสถานที่เที่ยวกลางคืน

กำหนดเปิดเมืองคือวันนี้ แต่การเฉลิมฉลองวันแห่งอิสรภาพเกิดขึ้นตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จะเห็นว่าชาวอังกฤษจำนวนมากยืนต่อแถวเพื่อเข้าชมการแสดงดนตรีสด ภายในงานมีทั้งคนที่ใส่และไม่ใส่หน้ากากอนามัย  พวกเขาต่างร้องเพลงและเต้นอย่างสนุกสนานโดยไม่รักษาระยะห่างทางกายภาพ ผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่รู้สึกตื่นเต้นที่ได้สัมผัสบรรยากาศคอนเสิร์ตอีกครั้ง ส่วนนักดนตรีก็ดีใจที่ได้กลับมาทำในอาชีพที่พวกเขารัก

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศที่คึกคักของเมื่อคืนนี้สวนทางกับสถานการณ์โรคระบาดที่น่ากังวลขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อวานนี้สหราชอาณาจักรมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 48,000 ราย เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวหากเทียบกับเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยตอนนั้นมีผู้ติดเชื้อรายวันราว 3,000-4,000 ราย จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อที่สูงมาจากการระบาดของไวรัสเดลต้า

ถึงจำนวนผู้ติดเชื้อในสหราชอาณาจักรจะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่รัฐบาลสหราชอาณาจักรก็เดินหน้าแผนการคลายล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ เพราะอะไร ส่วนหนึ่งมาจากตัวเลขของผู้ป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลและผู้เสียชีวิตที่มีไม่สูงมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับการระบาดในช่วงระลอกก่อนหน้า

ข้อมูลเมื่อวันที่ 14 มกราคม ซึ่งตรงกับช่วงที่สหราชอาณาจักรเริ่มฉีดวัคซีน ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในตอนนั้นมี 48,503 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,250 คน ส่วนเมื่อวานนี้ที่มีผู้ติดเชื้อ 48,161 ราย สูงเท่าๆ กับเมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา แต่กลับมีผู้เสียชีวิตน้อยลงคือ 25 ราย น้อยกว่าเมื่อวันที่ 14 มกราคมถึง 50 เท่า

สาเหตุที่สำคัญที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อสูงและอัตราการเสียชีวิตต่ำคือ การที่ประชากรได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการรับมือกับสายพันธุ์เดลตานี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลสหราชอาณาจักรมั่นใจในการเดินหน้าคลายล็อกเต็มรูปแบบ

อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขจะบ่งว่า วัคซีนช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้ แต่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ขอร้องให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง เนื่องจากความเสี่ยงจากการระบาดของไวรัสยังมีอยู่สูง เขาเรียกร้องให้คนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 เข้ารับการฉีดให้เร็วที่สุด ถึงแม้ว่าตัวเลขจะชี้ว่า วัคซีนช่วยลดอัตราการป่วยและตายได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะเห็นด้วยกับการเดินหน้าเปิดประเทศของรัฐบาล

นีล เฟอร์กูสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดจากมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน และอดีตสมาชิกคณะที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ในภาวะฉุกเฉินของรัฐบาลอังกฤษหรือ SAGE ระบุว่า มีความเป็นไปได้สูงที่การคลายล็อกดาวน์ในวันนี้ อาจทำให้อังกฤษพบผู้ติดเชื้อรายวันสูงถึง 100,000 ราย และนั่นจะดันให้ผู้ที่ป่วยจนถึงต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลสูงถึง 1,000 รายต่อวัน และมีความเป็นไปได้ที่สถานการณ์จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนผู้ติดเชื้อแตะวันละ 200,000 ราย ส่วนผู้ป่วยหนักแตะ 2,000 รายต่อวัน โดยคาดการณ์ว่า จุดพีคของการระบาดอาจเกิดขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกลางเดือนกันยายนนี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น อังกฤษจะเผชิญกับวิกฤตด้านสาธารณสุขอย่างรุนแรงและอาจต้องกลับมาใช้มาตรการควบคุมโรคระบาดอีกครั้ง

อีกเสียงหนึ่งมาจาก ลอเรนซ์ ยัง ศาสตราจารย์ด้านไวรัสวิทยาจากมหาวิทยาลัยวอร์ริกของสหราชอาณาจักร ที่เปิดเผยว่า แม้ว่าสหราชอาณาจักรมีอัตราการฉีดวัคซีนที่มาก แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่สหราชอาณาจักรควรคลายล็อกดาวน์ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้ป่วยหนักยังคงเพิ่มสูงขึ้น การคลายล็อกในระยะสุดท้ายนี้หมายความว่า มาตรการต่างๆเช่น การสวมใส่หน้ากากอนามัย การรักษาระะห่วงจะกลายเป็นเรื่องสมัครใจ ไม่ใช่การบังคับ

ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนให้ประชาชนยังคงสวมหน้ากากอนามัย ทั้งในสถานที่กลางแจ้งและสถานที่ปิดของสาธารณะ อย่าง คาฟ่ ร้านอาหาร และโรงละคร เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดและการติดเชื้อ ถึงแม้ว่าจะเป็นการเปิดประเทศแบบระมัดระวังท่ามกลางคำเตือน แต่รัฐบาลสหราชอาณาจักรก็ดูเหมือนจะมั่นใจว่า การเลือกเปิดประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่ควรทำ โดยมีข้อมูลชุดหนึ่งสนับสนุน นั่นก็คือ ถ้าประชากรได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ จะสามารถลดอัตราการป่วยและตายได้เยอะ และจนถึงขณะนี้ถ้าดูจากตัวเลข ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น

นอกเหนือจากสหราชอาณาจักรแล้ว ยังมีอีกหลายประเทศที่ยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้น และอัตราการเสียชีวิตลดลง เนื่องจากการมีวัคซีนที่รับมือกับไวรัสได้

 การฉีดวัคซีนโควิด-19 สะสม

ข้อมูลเปรียบเทียบการฉีดวัคซีนสะสมของสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร อินโดนีเซีย และไทย

- สหรัฐอเมริกาฉีดวัคซีนให้ประชาชนแล้วราว 337 ล้านโดส

- สหราชอาณาจักรราว 57 ล้านโดส

- อินโดนีเซียราว 57 ล้านโดส

- และไทยราว 14 ล้านโดส

จำนวนผู้ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดส หากคิดสัดส่วนต่อประชากร

- ตอนนี้มีชาวอเมริกันได้รับวัคซีนครบโดสแล้วราวร้อยละ 49 ของประชากร

- ส่วนสหราชอาณาจักรอยู่ที่ร้อยละ 53

- อินโดนีเซียร้อยละ 6

- ส่วนไทยร้อยละ 4.9

สำหรับสหรัฐอเมริกา วัคซีนหลักที่ใช้คือ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน สหราชอาณาจักรใช้ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และแอสตร้าเซนเนก้า ส่วนที่อินโดนีเซีย วัคซีนหลักที่ใช้คือซิโนแวค  และไทยใช้ซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้า ข้อมูลเปรียบเทียบยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายวันของ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร อินโดนีเซีย และไทย

เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่สหรัฐฯ ปูพรมฉีดวัคซีน  ผู้เสียชีวิตรายวันอยู่ที่ประมาณ 4,471 ราย ก่อนจะลดลงมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อวานนี้สหรัฐผู้เสียชีวิต 31 ราย ส่วนที่สหราชอาณาจักร ผู้เสียชีวิตรายวันสูงที่สุด 1,823 รายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็ลดลงมาเรื่อยๆ จนเมื่อวานนี้เหลือ 25 ราย

ส่วนกราฟของอินโดนีเซียนั้นสวนทางกัน อินโดนีเซียเริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนในวงกว้างตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผ่านไปหลายเดือนยอดผู้เสียชีวิตของอินโดนีเซียถือว่าคงที่

โดยเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา อินโดนีเซียมีผู้เสียชีวิตรายวันราว 200 ราย แต่หลังจากเผชิญกับการระบาดระลอกใหม่อย่างรุนแรง ยอดผู้เสียชีวิตก็พุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยเมื่อวานนี้พบผู้เสียชีวิตมากถึง 1,093 ราย

ส่วนที่ไทยเริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนในวงกว้างเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ในตอนนั้นไทยมียอดผู้เสียชีวิตรายวันเพียง 30 ราย

หลังจากนั้นยอดผู้เสียชีวิตรายวันของไทยก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ไทยมียอดผู้เสียชีวิตรายวัน 141 ราย ส่วนวันอาทิตย์มี 101 ราย จะเห็นว่าอินโดนีเซียและไทยมียอดผู้เสียชีวิตรายวันเป็นลักษณะกราฟชี้ขึ้น สวนทางกับสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรที่กราฟลดลงจะเห็นว่า ประสิทธิภาพของวัคซีน ตลอดจนสัดส่วนการฉีดต่อประชากรคือหนึ่งในปัจจัยที่ลดจำนวนผู้เสียชีวิต แม้ว่าประเทศนั้นๆ จะมีจำนวนยอดผู้ติดเชื้อใหม่สูง

อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยอื่นๆ เสริมอีก เช่น การเข้าถึงเตียงพยาบาล และออกซิเจน ที่ขณะนี้กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของหลายประเทศ และส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

คอนเทนต์แนะนำ
13 จังหวัด เตรียมพร้อม เดินทางออกนอกพื้นที่กรอกแบบฟอร์ม ยื่นให้ตำรวจที่ด่าน
กรมควบคุมโรคเตือนโควิดสายพันธุ์เดลตาติดง่าย สังเกตอาการยาก

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ