เมื่อวันพุธที่ผ่านมา วารสารการแพทย์ New England Journal of Medicine เผยผลการวิจัยใหม่ระบุว่า วัคซีนไฟเซอร์มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิดเดลตาแบบแสดงอาการป่วย ได้ร้อยละ 88 โดยลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 93.7 เมื่อเทียบกับการติดเชื้อโควิดอัลฟาแบบแสดงอาการ
ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซนเนกา มีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อโควิดเดลตาได้ร้อยละ 67 สูงขึ้นเมื่อเทียบกับรายงานก่อนหน้าที่คาดกันว่าประสิทธิภาพป้องกันอยู่ที่ร้อยละ 60
สถาบันวัคซีน เผย “แอสตร้าเซเนก้า” ฉีดครบ 2 โดส ต้านโควิด สายพันธุ์อินเดีย 60%
ต้องเร่งฉีด! พบฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มเดียวสู้ "เบตา-เดลตา" ไม่ไหว
แต่ประสิทธิภาพนี้น้อยลงเมื่อเทียบกับไวรัสอัลฟา ซึ่งแอสตร้าเซนเนกามีประสิทธิภาพในการป้องกันอยู่ที่ร้อยละ 74.5 แสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของไวรัสเดลตา ที่ลดประสิทธิภาพของวัคซีน
ความน่าสนใจของรายงานชิ้นนี้มีการวัดประสิทธิภาพของการฉีดวัคซีนไฟเซอร์และแอสตร้าเซนเนกาเพียงเข็มเดียวด้วย ระบุว่า หากเป็นไฟเซอร์เข็มเดียว ประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อเดลตาจะเหลือเพียงร้อยละ 36 ส่วนหากเป็นแอสตร้าเซนเนกาจะเหลือเพียงร้อยละ 30
สะท้อนถึงความสำคัญที่ผู้รับวัคซีนต้องฉีดให้ครบสองเข็ม จึงจะปลอดภัยพอจากเชื้อเดลตา เพราะล่าสุดมีรายงานจากองค์การอนามัยโลก ออกมาเตือนว่า ในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เชื้อเดลตาจะกลายมาเป็นโควิดสายพันธุ์หลักของโลก
การคาดการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากการเก็บข้อมูลในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอนามัยโลกระบุว่า ร้อยละ 75 ของตัวอย่างเชื้อจากหลายประเทศล้วนเป็นโควิดสายพันธุ์เดลตา