ชาวอัฟกัน ปักหลักรอบสนามบินคาบูล "ตาลีบัน" เตือน สหรัฐฯถอนกำลังช้าอาจมีผลตามมา


โดย PPTV Online

เผยแพร่




นานวันสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน เริ่มคาดเดาได้ยากมากขึ้น เพราะนอกเหนือจากจะไม่รู้ว่าหน้าตารัฐบาลใหม่ที่นำโดยตาลีบัน และวิธีการปกครองจะเป็นอย่างไร ซึ่งอาจเป็นตัวเปลี่ยนให้สถานการณ์ซับซ้อนขึ้นไปอีก คือ ภารกิจการอพยพคนของทหารสหรัฐฯที่อาจไม่เสร็จทันตามกำหนด และเส้นตายที่วางไว้วันที่ 31 ส.ค.นี้ ด้วยเหตุผลหลายประการ หนึ่งในนั้นคือ สหรัฐฯไม่คาดคิดว่าตาลีบันจะยึดกรุงคาบูล ได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เตรียมแผนอพยพไม่ทัน จนเกิดความโกลาหล วุ่นวาย สับสน และอันตราย

“ตาลีบัน” ยืนกรานสหรัฐฯ - ชาติพันธมิตร ต้องถอนทหาร 31 ส.ค.

เปิดคลิป หัวหน้าตำรวจอัฟกัน ถูกตาลีบันจับมัด กระหน่ำยิงดับ

ตาลีบันใกล้ที่มั่นกลุ่มต่อต้าน ยึด 3 พื้นที่คืนแล้ว

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยอมรับ ตอนนี้การอพยพคนออกจากอัฟกานิสถานท้าทาย ยาก และเสี่ยงมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเกิดความสับสนวุ่นวาย และอาจจำเป็นต้องขยายเส้นตายการอพยพออกไป แต่นั่นกำลังทำให้ตาลีบันไม่ค่อยพอใจ ล่าสุดโฆษกตาลีบัน ชี้จะมีผลพวงตามมาหากสหรัฐฯละเมิดข้อตกลง

สนามบินนานาชาติฮามิด คาไซ ในกรุงคาบูลสับสนและวุ่นวายมากขึ้นเมื่อเส้นตายการอพยพเริ่มใกล้เข้ามา บริเวณรอบ ๆ สนามบิน ชาวอัฟกันจำนวนมากขนเอาข้าวของและสมาชิกครอบครัวมาตั้งหลักยังสนามบินฮามิด คาไซ ด้วยความหวงัว่าจะได้ลี้ภัย

บางคนมาตั้งแต่วันแรก ๆ ที่ตาลีบันยึดกรุงคาบูลได้ แต่ก็ยังไม่ได้อพยพออก และมีคนใหม่เข้ามาเติมเรื่อย ๆทุ กวัน

จนถึงเมื่อวานนี้ 23 ส.ค. จำนวนคนอัฟกันที่รอการอพยพในสนามบินมีมากถึง 14,000 คน ส่วนที่ด้านนอกก็มีชาวอัฟกันอีกราว 10,000 คน ปักหลักนั่งรอที่จะเข้าไปข้างใน  และการรออยู่ด้านนอกสนามบินก็เป็นความเสี่ยงอย่างมาก เพราะขณะนี้เริ่มมีการปะทะกันของกองกำลังสหรัฐฯและกองกำลังไม่ทราบฝ่าย มีเสียงปืนเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ และก็เพิ่งจะเกิดเหตุมือปืนปริศนา ที่เชื่อว่าเป็นสมาชิกกลุ่มตาลีบัน ดวลปืนกับทหารเยอรมัน, สหรัฐฯ และอัฟกัน ที่บริเวณประตูทางเข้าฝั่งเหนือของสนามบิน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นทหารอัฟกัน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย

แต่ถึงแม้จะเสี่ยงแค่ไหนก้ไม่อาจหยุดคลื่นของผู้คนได้ ชาวบ้านที่มารอด้านนอกสนามบินเล่าว่า หลายคนมาตายเอาดาบหน้าแบบไม่มีเอกสาร ในขณะเดียวกันก็ไม่ทราบว่าต้องใช้อะไรบ้างในการอพยพ เพราะทหารต่างชาติไม่ได้ประกาศอะไร


โดยบรรยากาศของคืนที่ผ่านมา ผู้คนจำนวนมากปักหลักรอที่ด้านนอกสนามบิน ค้างคืนกันที่นั่นมาหลายคนแล้ว ท่ามกลางความมืดมิด เนื่องจากจุดนั้นเป็นลานกว้างที่มีไฟฟ้าจำกัด สัญญานที่บ่งบอกถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นคือ บริเวณสนามบินนานาชาติฮามิด คาไซ ซึ่งเป็นจุดที่อ่อนไหวที่สุดกำลังมีการเทกำลังไปที่นั่นอย่างต่อเนื่อง

บริเวณที่คนมุ่งไปและพยายามปีนป่ายกำแพงหรือทำทุกอย่างเพื่อให้เข้าไปที่นั่นได้หรือ บริเวณที่เรียกว่า North Gate หรือประตูฝั่งเหนือ จุดนี้เป็นพื้นที่ของสนามบินทหาร ก่อนที่สหรัฐจะถอนทหารออก บริเวณสนามบินตรง North Gate คือหนึ่งในฐานปฏิบัติการของกองกำลังสหรัฐและพันธมิตร ด้านในของสนามบินตรงจุดนี้ ณ ขณะนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นจุดของการอพยพคนออกจากอัฟกานิสถานขณะนี้มีทหารสหรัฐฯรวมถึงน่วยนาวิกโยธินประมาณ 5,000 นาย และมีทหารจากประเทศพันธมิตร เช่น เยอรมนีประจำการเพื่อช่วยเหลือในการอพยพคนอยู่ด้วย


ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในด้านนอกคือหนึ่งในปัญหาของปฏิบัติการอพยพคน ทำให้ต้องมีการปิดประตูทางเข้าสนามบิน คนที่จะหลุดเข้าไปข้างในด้านจะมีการตรวจจากทหารสหรัฐฯก่อน ว่าอยู่ในกลุ่มคนที่อยู่ในข่ายได้รับการอพยพหรือไม่ เช่น เป็นพลเมืองของสหรัฐฯ และพันธมิตชาติตะวันตก และคนอัฟกันที่เคยช่วยเหลืองานของสหรัฐฯ

แต่ความกลัวทำให้คนที่อาจไม่ได้อยู่ในข่ายของการอพยพออกพยามทุกทางเพื่อเข้าไปในสนามบิน และในบางกรณี คนที่อยู่ในข่ายการการอพยพก็เข้าไปไม่ได้ด้วยเนื่องจากความวุ่นวาย ทหารสหรัฐฯประจำการอยู่ด้านในเป็นหลัก ส่วนด้านนอกเป็นกองกำลังตาลีบัน


 

รู้จัก กองพันบาดรี 313”  หน่วยติดอาวุธของตาลีบัน

ตาลีบันมีการตั้งจุดตรวจทั้งก่อนและบริเวณหน้าสนามบิน วันแรก ๆ ไม่ค่อยมีปัญหา แต่ 2-3 วันที่ผ่านมามีรายงานว่า เริ่มมีการข่มขู่ไม่ให้คนผ่าน ไม่เฉพาะคนอัฟกัน มีชาวต่างชาติบางคนถูกกั้นไม่ให้ผ่านเข้าไปด้วย เช่น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีชาวออสเตรเลียนคนหนึ่งที่ถูกห้ามผ่าน เมื่อสถานการณ์เริ่มงวดเข้ามาเพราะใกล้ถึงเส้นตายการอพยพคน ตอนนี้ตาลีบันเริ่มวางหน่วยรบพิเศษของตัวเองที่สนามบินแล้ว



หน่วยรบพิเศษของตาลีบันที่ปรากฎตัวคือ กองพันบาดรี 313 ชื่อหน่วยมาจากบทหนึ่งของคัมภีร์อัลกุรอาน บทที่ชื่อว่า Battle ogf Badri บรรยายถึงการสู้รบของศาสดาโมฮัมหมัด ซึ่งเอาชนะศัตรูได้ แม้มีกำลังพลเพียง 313 คนเท่านั้น ก่อนหน้านี้ตาลีบันเคยปล่อยภาพวีดีโอของหน่วยนี้ออกมาแล้ว และเป็นการลบภาพจำที่คนที่ต่อกองกำลังตาลีบันโดยสิ้นเชิง เพราะไม่ใช้กองกำลังที่ใส่ชุดพื้นเมืองและถือปืน AK เก่า ๆ อีกต่อไป แต่เป็นภาพของหน่วนรบพิเศษที่เหมือนกับหน่วยรบในกองทัพสมัยใหม่ เช่น ของสหรัฐฯ หรือสหราชอาณาจักร

จากภาพดูเหมือนมีการจัดหน่วยที่แตกต่างจากหน่วยปกติ มีชุด Uniform ที่เหมือนกัน มีเสื้อเกราะกันกระสุน หมวกมีกล้อง Night Vision สำหรับปฏิบัติการตอนกลางติดอยู่ ส่วนอาวุธที่ถือ ปืนไรเฟิลอานุภาพสูง M4 ซึ่งเป็นปืนมาตรฐานของทหารในกองทัพสหรัฐฯ



กองพันบาดรี 313 ถือเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษหรือหน่วย Elite ของตาลีบัน สำนักข่าวอัลจาซีรา ระบุว่า หน่วยนี้ได้รับการฝึกรบจากค่ายลับแห่งหนึ่งไม่ไกลจากชายแดนประเทศปากีสถาน โดยก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยคลิปในระหว่างหน่วยนี้ฝึกออกมาด้วย ยังไม่มีข้อมูลยืนยันถึง capability หรือความสามารถในการรบของหน่วยนี้ สำนักข่าวที่รายงานเรื่องนี้มีเพียงภาพที่ระบุว่าเป็นภาพวีดีโอ Propoganda ของกลุ่มตาลีบันออกมา

ที่ชัดเจนและเห็นแล้วก็คือ หน่วยรบพิเศษ กองพันบาดรี 313 ถูกส่งมาปฏิบัติการบริเวณสนามบินนานาชาติฮามิด คาไซแล้ว และที่ชัดเจนและเห็นแล้วคือ หน่วยนี้มีอาวุธยุทธโธปกรณ์ที่สหรัฐฯทิ้งไว้ให้กับกองทัพอัฟกานิสถาน
 


หลังจากสหรัฐฯบุกอัฟกานิสถานเมื่อปี 2001 นอกจากเป้าหมายในการกำจัดอุซามะห์ บิน ลาเดน และผู้ที่สนับสนุนอย่างตาลีบันแล้ว อีกภารกิจของสหรัฐคือ การฟื้นฟูอัฟกานิสถาน ซึ่งมีงานหลัก 2 งาน  งานแรกคือ ภารกิจการเมือง นั่นคือ การสนับสนุนให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และจัดการเลือกตั้ง ให้งบประมาณในการฟื้นฟูสาธารณูปโภคที่ยับเยินจากสงคราม
งานที่สองคือ งานการทหาร สหรัฐฯพยายามสร้างให้กองกำลังรัฐบาลอัฟกานิสถานเข้มแข็งด้วยการทุ่มงบประมาณกว่า ในการฝึกรบและซื้ออาวุธให้ โดยหวังว่าเมื่อสหรัฐฯจากไป กองทัพอัฟกานิสถานจะดูแลประเทศได้

เมื่อสหรัฐฯถอนกำลังออกไป นี่คือสิ่งที่สหรัฐฯทิ้งไว้
1. อากาศยานประมาณ 150 ลำ ส่วนหนึ่งเป็นอากาศยานที่ทันสมัยใช้รบ
- เครื่องบินลำเลียง C130 4 ลำ
- UH 60 Black Hawk 45 ลำ
- เครื่องบินโจมตีเบา A 29 Super Tucano 20 ลำ

2. อาวุธ/ปืน
-M16 และ M4 มากกว่า 600,000 กระบอก พร้อมกระสุน (กองทัพอัฟกานิสถานมีกองกำลังประมาณ 300,000 นาย
-ระเบิดมือหลายหมื่นลูก
-อุปกรณ์อื่นๆ  เช่นวิทยุสื่อสาร กล้อง Night Vision

นอกจากนี้ยังมีรถฮัมวี่ HMMWV อีกกว่า 5,000 คัน ยานยนต์หุ้มเกราะ ยานยนต์ต้านระเบิด รวมถึงยานพาหนะอื่น ๆ อีกหลายพันคัน

ขณะนี้อาวุธยุทธโธปกรณ์จำนวนหนึ่งรวมถึงตกอยู่ในความครอบครองของตาลีบันแล้ว ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเราจึงเห็นภาพกองกำลังตาลีบันบนรถฮัมวี่และไรเฟิลอนุภาพสูงอย่าง M4 ตระเวนทั่งกรุงคาบูลในขณะนี้

 

ตาลีบัน ลงดาบประหารนักแปลที่ทำงานให้สหรัฐฯ

คนที่หนีหรือต้องการอพยพออกส่วนหนึ่งคือคนที่เคยทำงานให้กับกองทัพหรือหน่วยงานของสหรัฐฯในอัฟกานิสถาน คนเหล่านี้ตกเป็นเป้าของตาลีบันที่มักจะมองว่า เป็นพวกทรยศชาติเนื่องจากทำงานให้ตะวันตก และถึงแม้ตาลีบันจะให้สัญญาว่าจะไม่ทำร้ายคนเหล่านี้ จะนิรโทษกรรมให้กับทุก ๆ คน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งสวนทางกับคำสัญญา

สำนักข่าว CNN รายงานว่า ได้รับเอกสารจากบุคคลหนึ่งที่ระบุว่า ตัวเขากำลังจะถูกตาลีบันประหารชีวิต เอกสารดังกล่าวมี 6 ฉบับด้วยกัน ทั้งเขียนด้วยลายมือและพิมพ์จากคอมพิวเตอร์  ใบแรกระบุว่า บุคคลที่ถูกกล่าวหานั้นได้ให้ความช่วยเหลือชาวอเมริกัน โดยการให้ที่พักอันปลอดภัยแก่พี่ชายของเขาที่ทำงานเป็นล่ามแปลภาษาให้กับสหรัฐฯ เอกสารอื่นๆ  เป็นใบนัดไปขึ้นศาล แต่ต่อมาระบุว่าชายคนนี้ไม่ได้ไปตามกำหนดนัด ส่งผลให้ทางตาลีบันออกเอกสารตัดสินโทษประหารชีวิต



ทาง CNN ไม่ได้เปิดเผยชื่อ หรือรายละเอียดที่อยู่ของบุคคลที่ถูกกล่าวหา เพื่อปกป้องอัตลักษณ์ อย่างไรก็ตามรายงานดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า การคุกคามชาวอัฟกันที่เคยร่วมงานกับกองทัพและองค์กรต่างชาติกำลังเกิดขึ้นจริงในอัฟกานิสถาน

รายงานล่าสุดจาก CNN ถูกเผยแพร่ออกมาหนึ่งวัน หลังล่าสุดตาลีบันเพิ่งจะเน้นย้ำนโยบายไม่ตามแก้แค้นไป ถ้อยแถลงจากซาบิฮุลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกกลุ่มตาลิบัน ระบุย้ำอีกครั้งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า อัฟกานิสถานใหม่ หรือที่เรียกว่า Islamic Emirate of Afghanistan จะลืมความเจ็บปวดในอดีตทั้งหมด

 

การอพยพชาวอัฟกันและชาวต่างชาติยังคงดำเนินต่อไป แต่ปัญหาคือเหลือเวลาไม่มาก เพราะอีก 8 วันเท่านั้น หากรวมวันนี้ด้วย ก็จะถึงเส้นตายที่สหรัฐฯ เคยให้คำมั่นไว้ว่าจะถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานให้หมด รวมถึงทหารของนาโต้ด้วย  และหลายผ่านกำลังจับตาดูว่าผู้นำสหรัฐจะประกาศขยายเส้นตายหรือไม่ และถ้าทำ ผลที่เกิดขึ้นจะคืออะไร

เมื่อคืนที่ผ่านมา เจค ซูลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงในรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุว่า ความท้าทายในขณะนี้คือ รัฐบาลไม่ทราบจำนวนแน่ชัดของคนอเมริกันในอัฟกานิสถาน เพราะมีคนจำนวนหนึ่งที่เข้ามายังประเทศโดยไม่มีบันทึกผ่านสถานทูต โดยคนที่มีข้อมูลในสถานทูตสามารถที่จะอพยพออกมาได้ทันตามกำหนด แต่สำหรับคนที่รัฐบาลไม่มีข้อมูลจะคือปัญหาใหญ่
อย่างไรก็ตาม ถ้านับเอาเฉพาะคนที่มีข้อมูลกับสถานทูต หลายฝ่ายเห็นตัวเลขแล้วก็เริ่มไม่แน่ใจว่า จะอพยพคนกลุ่มนี้ออกมาทันเสันตายหรือไม่ เมื่อพิจารณาจากข้อจำกัดหลายอย่างทั้งทรัพยากรและบุคลากรในการอพยพ และไม่เฉพาะพลเมืองสหรัฐฯ แต่ยังต้องอพยพชาวอัฟกันที่เคยช่วยงานอเมริกันในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาด้วย

 

"ไบเดน" ถกด่วน ประเมินสหรัฐฯ อพยพคนออกทันเส้นตายหรือไม่

ล่าสุดทางกองกำลังสหรัฐฯ แจ้งเตือนไปยังรัฐบาลว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ควรตัดสินใจในวันอังคารที่ 24 ส.ค. นี้ ว่าจำเป็นต้องขายแผนการอพยพให้ล่วงเลยวันที่ 31 สิงหาคมหรือไม่ ที่ต้องประชุมด่วนก็เพื่อทางกองทัพจะได้วางแผน และเตรียมตัว นั่นหมายความว่าภายใน 24 ชั่วโมงนี้ ประธานาธิบดีไบเดน น่าจะมีคำตอบ

รายงานจากรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ภายใน 24 ชั่วโมงสามารถอพยพคนออกจากกรุงคาบูลได้ราว 16,000 ราย  ส่วนจำนวนคนอเมริกันที่พากลับบ้านคาดว่ามีอย่างน้อย 4,200 รายแล้ว นับตั้งแต่สหรัฐฯ เริ่มภารกิจอพยพเมื่อสัปดาห์ก่อน  และในภาพรวม สหรัฐฯ อพยพคนอัฟกันออกจากกรุงคาบูลไปแล้ว 20,156 คน ตั้งแต่เริ่มภารกิจ รวมถึงยังมีคนต่างชาติอีก 642 คน

และในวันนี้ประเด็นผู้ลี้ภัย ตลอดจนเส้นตายของการถอนทหารต่างชาติออกจากอัฟกานิสถานจะถูกพูดถึงในการประชุมของผู้นำ G7 ด้วย โดยเป็นการประชุมผ่านระบบออนไลน์ ประกอบด้วยผู้นำจาก 7 ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก ได้แก่ สหรัฐฯ แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี และญี่ปุ่น รวมถึงสหภาพยุโรป

มีรายงานระบุว่า บอริส จอห์นสัน ผู้นำสหราชอาณาจักร อาจเสนอให้คว่ำบาตรกลุ่มตาลีบัน แต่คาดว่าประเด็นสำคัญที่สุดที่ต้องพิจารณาคือนานาชาติจะยืดเส้นตายของการอพยพคนออกจากอัฟกานิสถานออกไปอีกหรือไม่

 

ตาลีบัน ย้ำ หากสหรัฐฯ ถอนกำลังล่าช้าจะมีผลตามมา 

ในวันเดียวกัน เมื่อวานนี้ซูฮาลี ซาฮีน โฆษกตาลีบันและหนึ่งในสมาชิกเจรจาสันติภาพที่กรุงโดฮาร์ออกมาย้ำถึงความสำคัญของเส้นตาย  ยืนยันว่าวันที่ 31 ส.ค.นี้ เป็น Red line และหากสหรัฐฯ ถอนกำลังล่าช้ากว่านั้น นั่นหมายถึงการละเมิดข้อตกลง ซึ่งอาจมีผลกระทบตามมา

นอกจากนั้นยังเผยว่า ชาวอัฟกันที่มีหนังสือเดินทางและมีเอกสารถูกต้องสามารถเดินทางออกจากประเทศไปได้ทุกเมื่อ แม้จะเลยวันที่ 31 สิงหาคมไปแล้วก็ตาม โดยย้ำว่า จะไม่มีอุปสรรคขวางกั้นการออกนอกประเทศของชาวอัฟกัน นอกจากนั้นยังระบุว่า ตาลีบันเปิดรับนักลงทุนต่างชาติทุกคน แต่ต้องเกิดขึ้นหลังการถอนกำลังต่างชาติออกจากประเทศให้หมดเสียก่อน



นอกเหนือจากอพยพด้วยเครื่องบินไปยังประเทศอื่นแล้ว ขณะนี้ชาวอัฟกันจำนวนมากก็พากันเดินเท้าข้ามพรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน มากที่สุด คือ ปากีสถาน และอิหร่าน ยังไม่ชัดเจนว่าการอพยพครั้งนี้มีชาวอัฟกันเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านจำนวนเท่าไหร่ แต่รายงานล่าสุดจากอุซเบกิสถานระบุว่า มีอย่างน้อย 1,500 รายแล้ว นั่นหมายความว่าในปากสีถานและอิหร่านย่อมมากกว่า

โดยรายงานจาก UNHCR ข้อมูลปี 2020 ปากีสถานรองรับผู้ลี้ภัยชาวอัฟกันอยู่แล้วมากถึง 1 ล้าน 5 แสนราย ส่วนในอิหร่านมีราว 780,000 ราย นั่นทำให้ล่าสุดมีเสียงกังวลจากชาวปากีสถานที่อาศัยอยู่ในเมืองเควตา ซึ่งตั้งติดชายแดนอัฟกานิสถาน เนื่องจากทุกวันนี้จำนวนผู้อพยพชาวอัฟกันในเมืองนี้ก็มากอยู่แล้ว
 

กลุ่มต่อต้านตาลีบัน เผยมีนักรบในสังกัดหลายพันคน

ด้านความคืบหน้าของกลุ่มต่อต้านเป็นอย่างไร? ล่าสุดกองกำลังพันธมิตรฝ่ายเหนือแห่งหุบเขาปัญจชีร์ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายที่ตาลีบันยังยึดไม่ได้เผยภาพการฝึกซ้อมรบ  จากภาพจะเห็นสมาชิกกลุ่มต่อต้านยิงอาวุธปืน และคอยลาดตระเวนสำรวจความปลอดภัยตามจุดต่างๆ ภาพเหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกมาหลังเมื่อวานนี้ตาลีบันส่งนักรบของตนไปล้อมหุบเขาปัญจชีร์ แต่ยังไม่มีการสู้รบเกิดขึ้น  และมีรายงานระบุว่า ขณะนี้พวกเขามีสมาชิกจำนวนหลายพันคน อย่างไรก็ตามการนั่งโต๊ะเจรจายังคงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกมากกว่าการเปิดหน้าสู้รบกันโดยตรง

 

UN เตือน เดือนหน้าอัฟกานิสถานจะเผชิญภาวะขาดแคลนอาหาร

ท่ามกลางวิกฤตผู้อพยพและความกังวลต่อสวัสดิภาพของชาวอัฟกัน ล่าสุดมีเสียงเตือนใหม่จากองค์การ World Food Programme ของสหประชาชาติออกมาเรียกร้องให้นานาชาติส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับชาวอัฟกัน เพราะในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ชาวอัฟกันอาจเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหาร

ปัจจัยมาจากการปิดสนามบินฮามิด คาไซในกรุงคาบูล ที่ขณะนี้ถูกใช้เพื่ออพยพผู้คนเท่านั้น ส่งผลหให้การขนส่งอาหารหยุดชะงัก  รวมถึงการปิดพรมแดนตามจุดต่างๆ ที่เดิมเคยเป็นเส้นทางขนส่งอาหารจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง อุซเบกิสถาน และเติร์กเมนิสถาน



โดยทางสหประชาชาติ ชี้ว่า ความช่วยเหลือต้องรีบเดินทางเข้าไปก่อนถึงฤดูหนาว ซึ่งในเวลานั้นตามท้องถนนของอัฟกานิสถานอาจเต็มไปด้วยหิมะ ยากต่อการขนส่งไปอีกขั้น

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ