ท่ามกลางการเรียกร้องให้ทางการจีนเพิ่มความโปร่งใสเกี่ยวกับการสืบหาต้นตอโควิด-19 ล่าสุดเจ้าหน้าที่จีนเปิดเผยว่า จีนได้เตรียมทดสอบตัวอย่างเลือดจากธนาคารเลือด (Blood Bank) เมืองอู่ฮั่นแล้ว
โดยจะทำการศึกษาตัวอย่างเลือดมากถึง 200,000 ตัวอย่าง ซึ่งรวมถึงที่มีคนมาบริจาคโลหิตไว้ในปี 2019 คณะผู้วิจัยจากองค์การอนามัยโลก (WHO) เคยระบุไว้ว่า เลือดในธนาคารเลือดเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่อาจช่วยระบุได้ว่า ไวรัสโควิด-19 เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อใดและที่ไหนกันแน่
พบไวรัสที่คล้ายโควิด-19 ทางเหนือของลาว ชี้โควิด-19 อาจไม่ได้มาจากแล็บ
หน่วยงานข่าวกรองสหรัฐฯ ยังฟันธงต้นตอโควิด-19 ไม่ได้
ข้อมูลการขายสัตว์ป่า “ตลาดเมืองอู่ฮั่น” ความหวังใหม่สืบหาต้นตอโควิด-19
เร่งคุมโควิด 3 สายพันธุ์ระบาดชายแดนใต้ ชง ศบค. เคาะผสมสูตร "แอสตร้า-ไฟเซอร์" 14 ต.ค.
ตามระเบียบการบริจาคโลหิตของจีน เจ้าหน้าที่จีนจะทำการเก็บตัวอย่างเลือดไว้ในธนาคารเลือดเป็นเวลา 2 ปี ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้เพื่อเป็นหลักฐานในคดีความที่เกี่ยวข้องกับการบริจาคโลหิต
ดังนั้น การจะนำเลือดมาทดสอบหาต้นตอโควิด-19 จะต้องรอระยะเวลา 2 ปีให้ผ่านพ้นไปเสียก่อน ซึ่งก็กำลังจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนบอกว่า ขณะนี้กำลังเตรียมการทดสอบและยืนยันว่าการทดสอบจะเกิดขึ้นเมื่อหมดช่วงเวลาเก็บเลือด 2 ปีตามระเบียบกฎเกณฑ์
หวงเหยียนจง นักวิจัยอาวุโสด้านสุขภาพระดับโลกของสภาวิเทศสัมพันธ์ (CFR) กล่าวว่า “นี่เป็นตัวอย่างที่ใกล้เคียงที่สุดในโลกที่เราเคยเห็นแบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยให้เราเข้าใจจังหวะเวลาของเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19”
ด้าน มอรีน มิลเลอร์ รองศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียได้เรียกร้องให้จีนอนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติร่วมสังเกตกระบวนการศึกษานี้ด้วย “ไม่มีใครเชื่อผลลัพธ์ใด ๆ ที่จีนรายงาน เว้นแต่จะมีผู้สังเกตการณ์ที่มีคุณสมบัติร่วมด้วย” เธอกล่าว
เหลียงว่านเหนียน หัวหน้าทีมจีนที่ทำงานสอบสวนขององค์การอนามัยโลก กล่าวในการแถลงข่าวเดือน ก.ค. ว่า จีนจะทดสอบตัวอย่างเลือดในธนาคารเลือดอย่างแน่นอน โดยเสริมว่าเมื่อผู้เชี่ยวชาญจีนทราบผลแล้ว พวกเขาจะจัดส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญจีนและต่างประเทศ
เหลียงกล่าวว่า ตัวอย่างเลือดมาจากเลือดผู้ที่มาบริจาค บรรจุถุงปิดสนิทแล้วเก็บไว้ โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า หากเก็บตัวอย่างเลือดอย่างถูกต้อง เมื่อนำมาศึกษา อาจพบแอนติบอดีตัวแรกที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อต่อต้านโรคโควิด-19
เหลียงกล่าวในเดือน ก.ค. ว่า ในขณะที่รายงานผู้ป่วยรายแรกอยู่ในอู่ฮั่นเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. “งานวิจัยของเราและเอกสารการวิจัยที่เกี่ยวข้องก่อนหน้าของนักวิทยาศาสตร์จีนระบุว่า 8 ธ.ค. อาจไม่ใช่เคสแรก อาจมีเคสอื่นเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น”
ดร.วิลเลียม ชาฟฟ์เนอร์ จากแผนกโรคติดเชื้อของมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลต์ กล่าวว่า ตัวอย่างเหล่านี้นำเสนอเป็นโอกาสที่น่าสนใจ ทำให้ค้นหาได้ว่า ในช่วงเดือนใดที่ไวรัสโควิด-19 เริ่มทิ้งร่องรอยไว้ในประชากรจีน
ประกาศ ฉบับ 5 "พายุคมปาซุ" จ่อขึ้นฝั่ง กรมอุตุฯ เตือน 46 จังหวัดรับมือฝนตกหนัก!
ชาฟฟ์เนอร์แนะนำว่า เพื่อความโปร่งใส จีนอาจนำตัวอย่างเลือดไปที่ WHO ในเจนีวาหรือปลายทางอื่นที่เป็นกลาง เพื่ออนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญของ WHO เข้าร่วมการทดสอบได้
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า การศึกษาเลือดเพื่อหาต้นตอโควิด-19 นี้อาจมีปัญหาที่เป็นไปได้ 2 ประการ หนึ่งคือต้องทำให้มั่นใจว่าตัวอย่างเลือดที่ได้มาไม่ใช่เลือดที่เพิ่งถูกเจาะมาแต่เป็นเลือดเมื่อ 2 ปีก่อนจริง ๆ และสอง คือเลือดของคนที่มาบริจาคโลหิตโดยปกติมักเป็นคนที่สุขภาพดี จึงอาจเป็นไปได้ว่าจะไม่พบร่องรอยการติดเชื้อในคนกลุ่มนี้ หรืออาจจะพบร่องรอยการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ ซึ่งเป็นลักษณะที่สำคัญที่ทำให้ไวรัสระบาดไปไกล
หวงกล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนว่า “โลกภายนอกจะเชื่อถือการศึกษานี้มากน้อยเพียงใด” แต่การทดสอบนี้ก็เป็นโอกาสสำหรับจีนที่จะบอกโลกว่า “พวกเขาจริงจังกับการสืบหาต้นตอโควิด-19 จริง ๆ”
เรียบเรียงจาก CNN
ภาพจาก AFP / Getty Image