รัสเซีย จับมือพันธมิตรซ้อมรบต่อ เมินสหรัฐฯขู่ หากยกทัพบุกยูเครน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ความขัดแย้งบริเวณชายแดนรัสเซีย-ยูเครนที่ เกิดขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว ปัจจุบันได้ลุกลามไปในยุโรปและไม่มีท่าทีว่าจะยุติลงในเร็ววันนี้ ล่าสุดต่างฝ่ายต่างโต้คารมกันอย่างดุเดือด แม้ที่ผ่านมาจะมีสัญญาณทางการทูตให้เห็น แต่สถานการณ์ก็เริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ วันนี้การเจรจาครั้งใหม่จะเกิดขึ้น แต่ไม่มีใครรับประกันได้ว่าทุกฝ่ายจะหาทางออกร่วมกันได้ ด้านแอนโทนี บลิงเคน แถลงสหรัฐฯ จะคว่ำบาตรจริง ถ้ารัสเซียรุกรานยูเครน แต่รัสเซียยังคงเดินหน้าซ้อมรบต่อ พร้อมได้เพื่อนบ้านเก่าแถบตะวันออกกลางมาร่วมทีม

“ไบเดน” ขู่รัสเซีย หากคิดบุกยูเครน สหรัฐฯพร้อมตอบโต้

รัสเซีย ขู่ใช้ขีปนาวุธ หากสหรัฐฯ-นาโต ไม่ถอนกำลังจากยูเครน

วันนี้ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้แถลงต่อสื่อถึงท่าทีของสหรัฐฯ ต่อรัสเซียที่ชัดเจนว่าถ้ามีรถถัง หรือยุทโธปกรณ์ข้ามเขตแดนมายังยูเครนเมื่อไหร่ นั่นคือการบุกรุก และสหรัฐฯ พร้อมจะใช้นโยบายคว่ำบาตรทันที

นอกจากนี้ ไบเดน ยังกล่าวว่า รัสเซียมักจะมีลูกเล่นอื่นที่ไม่ใช่การบุกทางทหารโดยตรงเสมอ พร้อมยกตัวอย่างสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับดอนบาส ภูมิภาคทางตะวันออกของยูเครน

ย้อนกลับไปในปี 2014 หลังจากการปฏิวัติยูเครนที่มีชื่อว่า เหตุการณ์ยูโรไมดาน และการผนวกดินแดนไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย รัฐบาลรัสเซียถูกกล่าวหาจากสหรัฐฯ และชาติตะวันตกว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนดอนบาส กลุ่มกบฏที่จับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาลยูเครน

โดยสำนักข่าวรอยส์เตอร์รายงานว่า รัสเซียส่งกองกำลังกึ่งทหารมาในเหตุการณ์ครั้งนี้ถึงร้อยละ 15-80 จากกองกำลังที่สู้ในสงครามครั้งนี้

 

ในขณะเดียวกัน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ได้แถลงเช่นเดียวกัน ขณะร่วมงานที่แอตแลนติกบริดจ์ ในเยอรมนี กล่าวว่า ยูเครนไม่ได้เป็นผู้รุกรานรัสเซีย ยูเครนแค่พยายามเอาชีวิตรอด รัสเซียพยายามยั่วยุหรือสร้างเหตุการณ์แล้วหาข้ออ้างในการส่งทหารเข้าไปแทรกแซง ย้ำว่าประธานาธิบดีปูตินพร้อมบุกยูเครนเสมอ เพราะปูตินไม่คิดว่ารัสเซียเป็นประเทศอธิปไตยอยู่แล้ว รัสเซียคือผู้รุกรานยูเครน ไม่ใช่นาโต

นอกจากนี้พันธมิตรนาโตอย่างสเปนเริ่มแสดงท่าทีที่ชัดเจนต่อวิกฤตครั้งนี้  โดยมาร์การิต้า โรเบลส รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสเปน ได้แถลงว่าสเปนได้ส่งเรือรบไปร่วมกับกองกำลังนาโตในเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และทะเลดำแล้ว พร้อมประกาศชัดเจนว่า รัสเซียไม่ควรมาสั่งว่าประเทศใดควรทำอะไรหรือไม่ควรทำอะไร

 

รัสเซียไม่สนคำเตือน ซ้อมรบต่อ จับมืออิหร่าน - จีน

ในขณะที่ทางฝั่งรัสเซียยังไม่มีการตอบสนองจากประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน  อย่างไรก็ตาม รัสเซียยังคงย้ำถึงจุดยืนในการปลดสลักวิกฤตนี้ โดยนาโตต้องไม่รับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกและเลิกแผ่ขยายอิทธิพลมายังบริเวณที่เป็นเขตสหภาพโซเวียตเก่า ขณะเดียวกันก็เดินหน้าเตรียมที่จะซ้อมรบกับเบลารุสต่อ โดยให้เหตุผลว่าการฝึกซ้อมรบนั้นเป็นกิจการภายในของรัสเซีย

ล่าสุดบ่ายวันนี้รัสเซียได้ส่งหัวรบมิสไซล์รุ่น S-400 จำนวน 2 หัว และอุปกรณ์ทางการทหารอื่น ๆ ไปยังแผ่นดินเบลารุส

ด้านอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชวิช ผู้แทนถาวรรัสเซียประจำองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป หรือ OSCE ได้แสดงความกังวลถึงการที่สมาชิกนาโตนำอาวุธหนักไปยังยูเครน โดยกล่าวว่า เฉพาะสัปดาห์นี้ กองทัพอังกฤษนำขีปนาวุธจำนวนไม่น้อยไปติดตั้งในกรุงเคียฟ

รัสเซียเป็นกังวลมากที่เห็นว่าแคนาดาก็จะนำอาวุธมาติดตั้งที่ยูเครนเช่นกัน สะท้อนว่านี่ไม่ใช่การรักษาเสถียรภาพโดยปกติของยูเครน-ยุโรปแน่นอน

 

ในขณะที่ยูเครนมีสหรัฐและนาโตคอยเคียงข้าง ล่าสุดรัสเซียได้พันธมิตรเก่าแก่จากภูมิภาคตะวันออกกลางอย่างอิหร่านกลับคืนมา หลังจากที่อิหร่านเคยประกาศนโยบายไม่สนับสนุนทั้งตะวันออกและตะวันตกหลังการปฏิวัติอิหร่านปี 1979

โดยความร่วมมือครั้งใหม่นี้เป็นความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ซึ่งมีระยะเวลา 20 ปีอิหร่านประกาศชัดว่าต้องการเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์แบบถาวรกับรัสเซียเพื่อรับมือกับสหรัฐฯ

ส่วนในวันนี้จะมีการซ้อมรบทางน้ำแบบไตรภาคีระหว่างอิหร่าน รัสเซีย และจีน หลังจากเมื่อวานนี้รัสเซียเพิ่งได้รับเรือดำน้ำนิวเคลียร์ระดับสูงมา 3 ลำ โดยเรือทั้ง 3 ลำเป็นเรือดำน้ำรุ่นที่มีประสิทธิภาพเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดบนภาคพื้นดิน  นี่อาจเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นถึงการรวมตัวพันธมิตรใหม่ของฝั่งรัสเซียอีกครั้งนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น

 

นานาชาติพยายามปลดสลัก "วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน"

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดสงครามยังมีความหวังเล็ก ๆ เกิดขึ้นที่นครแห่งสันติภาพอย่างเจนีวา วันนี้ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และ เซอร์เกย์ ราสลอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เดินทางถึงนครเจนีวาเพื่อเข้าประชุมหารือถึงทางออกของวิกฤต โดยทั้งสองได้จับมือทักทายกันก่อนเข้าประชุม

นอกจากความพยายามทั้งสหรัฐฯ และรัสเซียแล้ว ยังมีอีกหนึ่งตัวแสดงที่ต้องการมีส่วนร่วมเป็นตัวกลางในกระบวนการสร้างสันติภาพระหว่างสองประเทศนั่นคือ ตุรกี

 

เรเจพ เทยิพ แอร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี ระบุว่า อยากให้ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย และประธานาธิบดีโซเลนสกีของยูเครนมาเจรจาแบบตัวต่อตัว ยืนยันว่าจะไปเยือนรัสเซียเช่นเดียวกับที่ไปเยือนยูเครน โดยเขาหวังว่าจะสร้างความสงบในภูมิภาคได้

ตุรกีเองเคยประสบความสำเร็จในการเป็นตัวกลางเจรจาท่ามกลางปัญหาลิเบียเมื่อปี 2019 ร่วมกับรัสเซีย จึงน่าติดตามต่อไปว่าตุรกีจะเป็นตัวแปรสำคัญในการเปลี่ยนทิศทางวิกฤตครั้งนี้หรือไม่

 

ด้านประธานาธิบดีโวโลโดมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนได้ออกชี้แจงต่อสาธารณชนว่า อย่าแตกตื่นกับปัญหารัสเซีย-ยูเครนเพราะสื่อต่าง ๆ กำลังเปรียบเทียบเรื่องสรรพกำลังของรัสเซีย-ยูเครน

โดยประธานาธิบดียูเครน พยายามคลายกังวลและต้องการให้พันธมิตรเฉพาะเจาะจงกับการตอบสนองมากขึ้นต่อภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นจากสงคราม

 

เสียงชาวยูเครนที่อาศัยอยู่ในเมืองโดเนสตค์ทางตะวันออก ซึ่งเป็นเมืองที่ฝักใฝ่รัสเซีย พวกเขาเองเริ่มไม่แน่ใจถึงสถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในขณะนี้เช่นกัน แต่ก็เชื่อว่าปูตินจะช่วยพวกเขาและมิสไซส์ลูกเดียวของรัสเซียสามารถจบเหตุการณ์วิกฤตนี้ได้ ในขณะที่ประชาชนบางคนเองก็ยังเชื่อในสันติภาพที่จะเกิดขึ้นจากการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครน

ปัญหานี้จะจบอย่างไรขึ้นอยู่กับการเจรจาในวันนี้ว่าจะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ หลายฝ่ายเทียบว่า ความตึงเครียดที่กำลังเกิดขึ้นนับว่าเป็นวิกฤตใหญ่อีกครั้งที่น่ากังวลที่สุด ตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็นเลยทีเดียว

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ