บรรยากาศของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในกรุงโคลอมโบ เมืองหลวงศรีลังกา ที่ผู้คนมารอเติมน้ำมันกันตั้งแต่เช้ามืด วิกฤตทางการเงินที่ทำให้รัฐบาลไม่มีเงินตราต่างประเทศในการจ่ายค่านำเข้าน้ำมันส่งผลให้น้ำมันที่ยังเหลืออยู่ปรับราคาสูงขึ้น และกลายมาเป็นสินค้าขาดแคลน คนที่เดือดร้อนอย่างหนักคือประชาชนหาเช้ากินค่ำ อย่างบรรดาคนขับรถสามล้อและรถแท็กซี่เหล่านี้
หลายคนเสียเวลาหลายชั่วโมงไปกับการต่อแถวรอเติมน้ำมัน ซ้ำร้ายวิกฤตที่ว่ายังเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่ใช้เวลาในการต่อแถวเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ศรีลังกาประกาศเคอร์ฟิว-บล็อกโซเชียลมีเดีย คุมม็อบพิษเศรษฐกิจ
ผู้นำศรีลังกาเล็งตั้งรัฐบาลชุดใหม่ หลัง รมต.ลาออกทั้งคณะ กู้วิกฤตเศรษฐกิจ
แต่ล่าสุดชาวบ้านระบุว่า ต้องใช้เวลาข้ามวัน และบางคนเมื่อถึงคิวแล้วน้ำมันเชื้อเพลิงกลับหมด เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รานิล วิกรมสิงเห นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของศรีลังกาประกาศกับประชาชนว่า ไม่ต้องไปเข้าแถวรอเติมน้ำมัน เพราะรัฐบาลไม่สามารถหาเงินตราต่างประเทศมาจ่ายค่าน้ำมันเพิ่มได้
พร้อมกันนั้นยังมีรายงานว่า น้ำมันเชื้อเพลิงที่เหลือจะเพียงพอสำหรับทั้งประเทศเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น
อันที่จริงศรีลังกามีเรือบรรทุกน้ำมันจอดรออยู่กลางทะเล เตรียมที่จะเทียบท่า แต่รัฐบาลต้องใช้เงินตราต่างประเทศมากถึง 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการชำระ
ในถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ผู้นำพยายามบอกว่า รัฐบาลไม่ได้ปิดบังสถานการณ์ที่แท้จริงกับประชาชน ทั้งยังเตือนด้วยว่า ช่วงเวลาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะยากลำบากมากกว่านี้
ที่ผ่านมาชีวิตของชาวศรีลังกาเป็นอย่างไร? วิกฤตที่เกิดขึ้นในขณะนี้เรียกได้ว่าหนักหนาที่สุดนับตั้งแต่ประเทศเป็นเอกราชเมื่อ 74 ปีก่อน
ผู้คนตกงาน ขาดรายได้ ข้าวของแพงจนซื้อไม่ไหว ไฟฟ้ามีไม่พอใช้ ตลอดจนประเทศยังติดหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาลส่งผลให้คนศรีลังกาต้องออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาล เพราะพวกเขาไม่อาจทนใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปได้
ล่าสุดสถานการณ์เลวร้ายมากกว่าเดิม เพราะราคาข้าวของยังคงปรับตัวแพงขึ้นไม่หยุด ในขณะที่ช่วงเวลาตัดไฟเพื่อประหยัดพลังงานก็เพิ่มจาก 13 ชั่วโมงเป็น 15 ชั่วโมงต่อวัน
สถานการณ์ที่ย่ำแย่สะท้อนผ่านคำบอกเล่าของเจ้าของร้านขายโคมไฟ ที่ปกติแล้วทุกๆ ปีในวันวิสาชบูชา ชาวศรีลังกาจะต้องซื้อโคมไฟไปจุดตามธรมเนียม
แต่วิกฤตการเงินในปีนี้ทำให้ลูกค้าน้อยลงมาก ผู้คนต้องเก็บเงินไว้ใช้กับสิ่งจำเป็นอย่าง อาหาร ก่อนเป็นอันดับแรก
ท่ามกลางวิกฤตที่กระทบปากท้องของประชาชนในทุกระดับ ความพยายามขับไล่รัฐบาลยังคงดำเนินต่อไป
บรรยากาศหน้าที่ทำการนายกรัฐมนตรี ผู้ประท้วงระบุว่า แม้ มหินทรา ราชปักษาจะลาออกจากตำแแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่พวกเขาขอให้ตำรวจจับกุมอดีตนายกฯ ด้วยจากข้อหาสั่งการทำร้ายผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมารวมถึงเรียกร้องให้ ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ผู้เป็นน้องชายลาออกด้วยเช่นกัน
ย้อนไปช่วงวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในวันนั้นเกิดการประท้วงของกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาล และกลุ่มที่ต้องการขับไล่รัฐบาล
เกิดการปะทะกันระหว่างสองกลุ่ม ตามมาด้วยคำประกาศลาออกสายฟ้าแลบของอดีตนายกรัฐมนตรีมหินทรา ราชปักษา
จากนั้นในช่วงหลายวันต่อมา สถานการณ์ยังคงวุ่นวาย เกิดการปะทะในหลายจุด ข้าวของสาธารณะถูกทำลาย ร้านค้าถูกปล้นสะดมภ์ บ้านของสมาชิกรัฐสภาถูกเผา
รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิวและสั่งให้ทหารใช้กระสุนจริงกับผู้ชุมนุมที่ก่อความวุ่นวายได้ในภาพรวมมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 คน ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 200 คน
ฝ่ายผู้ชุมนุมมองว่า เป็นแผนของรัฐบาลราชปักษาที่ส่งผู้สนับสนุนมาก่อจลาจล เพื่อให้ตำรวจใช้กระสุนจริงและประกาศเคอร์ฟิวหนทางที่ศรีลังกาจะหลุดพ้นจากวิกฤตได้นั้นต้องพึ่งพาความช่วยเหลือของประเทศอื่น
ล่าสุด รานิล วิกรมสิงเห นายกรัฐมนตรีคนใหม่ระบุว่า จะขอความช่วยเหลือจากอินเดีย ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา อินเดียช่วยเหลือด้วยการส่งปุ๋ย 65,000 ตัน น้ำมันเชื้อเพลิงอีก 400,000 ตันเพื่อแก้ปัญหาสินค้าจำเป็นขาดแคลน รวมถึงให้คำมั่นว่าในเดือนนี้จะส่งยาและเวชภัณฑ์ไปให้เพิ่มอีกก่อนหน้านี้ประเทศที่ให้ความช่วยเหลือศรีลังกาเป็นหลักคือ จีน
นักวิเคราะห์มองว่า ศรีลังกากลายเป็นเครื่องมือที่ชาติมหาอำนาจอย่างจีนและอินเดียใช้ในการขยายอิทธิพล