ความต้องการกาแฟในประเทศที่ไม่สามารถผลิตกาแฟได้ เริ่มฟื้นตัวในไตรมาสแรก แม้ว่าความต้องการกาแฟในรัสเซียและจีนลดลงในไตรมาส 2
Rabobank รายงานว่า "coffee disappearance" เป็นคำกล่าวถึงประเทศที่ไม่ได้ปลูกกาแฟ แต่บริโภคกาแฟจริง ๆ และไม่ใช่สั่งนำเข้าเพื่อไปปรับโฉมส่งออกใหม่ ซึ่งปรากฏว่าในไตรมาสแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 6.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยุโรปและสหราชอาณาจักร เพิ่มขึ้นมากสุด 9% ขณะที่สหรัฐเพิ่มขึ้น 4.6% และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 5.1%
เวียดนามล็อกดาวน์ กระทบส่งออกกาแฟทั่วโลก
ดื่ม "กาแฟ-โกโก้ร้อน" เป็นประจำ ช่วยชะลอการเสื่อมถอยของสมอง
Rabobank ระบุว่าปริมาณการบริโภคกาแฟยังไม่เท่าในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด โดยในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นเพียง 0.6% จากช่วงสองปีก่อน
สงครามรัสเซีย-ยูเครน และล็อกดาวน์ในจีนครั้งใหม่ ได้ฉุดความต้องการบริโภคกาแฟ นอกจากนี้ ราคาขายปลีกในบราซิลพุ่งสูงขึ้นยังกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยบราซิลเป็นประเทศที่ผลิตกาแฟชั้นนำของโลก แต่ก็บริโภคกาแฟเป็นอันดับสองรองจากสหรัฐ
สำหรับความต้องการกาแฟที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม คาดว่าความต้องการกาแฟในรัสเซียจะลดลง 25% ส่วนในยูเครน ลดลง 50%
สำหรับอุปทานกาแฟโลกจากปีก่อน ขาดดุล 5.1 ล้านถุง (ถุง 60 กิโลกรัม) ในฤดูผลิต 2021/22 มาในปีนี้กลับมาเกินดุล 1.7 ล้านถุงในปี 2022/23 คาดว่าบราซิลจะผลิตกาแฟได้มากถึง 64.5 ล้านถุงในปีนี้