เอ็มมานูเอ็ล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และมาริโอ ดรากี นายกรัฐมนตรีอิตาลี เดินทางถึงกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนเมื่อบ่ายวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากที่ทั้งสามผู้นำเดินทางมาถึงก็ได้เดินทางไปยังเมืองเออร์พินก่อนเป็นลำดับแรก ซึ่งเมืองนี้เป็นเมืองที่มีประชาชนถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมจากการรุกรานของรัสเซียในเฟสแรก
โดยขณะที่สามผู้นำเยือนเมืองเออร์พินอยู่นั้น ผู้นำฝรั่งเศสได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ตัวเองเห็นสัญญาณว่ารัสเซียได้ก่ออาชญากรรมสงครามจริง
สภาพอากาศวันนี้! กรมอุตุฯเผย 36 จังหวัดมีฝนฟ้าคะนอง-กทม.โดนร้อยละ 40
ส.บอลไทย เผยความคืบหน้าก่อสร้างศูนย์ฝึกสนามซ้อมฟุตซอล
วอลเลย์สาวไทย ปลอดโควิดยกทีม พร้อมดวลญี่ปุ่น เย็นนี้
หลังจากนั้น ผู้นำฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และผู้นำอีกจากหนึ่งประเทศ คือ ประธานาธิบดีเคลาส์ โยฮันนิสของโรมาเนีย ได้เดินทางถึงกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน และเข้าพบปะหารือกับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี เพื่อแสดงออกถึงการสนับสนุนรัฐบาลยูเครน
หลังการหารือแล้วเสร็จ ผู้นำทั้งห้าประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกัน โดยเซเลนสกีเปิดเผยว่า ในระหว่างการหารือเขาได้พูดคุยถึงความเป็นไปได้กับการเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย กับผู้นำของทั้งสี่ชาติ และระบุว่า ยูเครนซาบซึ้งที่ได้รับความช่วยเหลือด้านอาวุธ เพื่อมาช่วยรบกับรัสเซีย ซึ่งการรุกรานยูเครนของรัสเซียนั้น ยังเป็นเหมือนการรุกรานทั้งยุโรปอีกด้วย
นอกจากนี้ เซเลนสกียังระบุว่า พร้อมแล้วที่จะทำงาน เพื่อกลายมาเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป หรืออียูอย่างสมบูรณ์
ขณะเดียวกันผู้นำของทั้ง 4 ชาติล้วน ยืนยันว่า อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนีและโรมาเนีย ล้วนสนับสนุนให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกของอียู โดย นายกรัฐมนตรีชอลซ์ของเยอรมนี ย้ำว่า เยอรมนีก็ให้การสนับสนุนยูเครนเช่นกัน และบอกว่า ยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวยุโรป ซึ่งทางเยอรมนีเองก่อนหน้านี้โดยวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดถึงการสงวนท่าทีและความช่วยเหลือที่มีต่อยูเครน อย่างไรก็ตาม เวานนี้ (16 มิถุนายน 2565) เขาย้ำว่าจะจัดส่งความช่วยเหลือด้านอาวุธไปให้แก่ยูเครนอีกด้วย
คำแนะนำให้สถานะยูเครนเป็นประเทศผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป และในสัปดาห์หน้า บรรดาผู้นำชาติอียูมีกำหนดจะประชุมหารือกัน ซึ่งคาดการณ์กันว่า ในที่ประชุมดังกล่าว ใบสมัครของยูเครนเพื่อเข้าเป็นสมาชิกจะได้รับการอนุมัติ
"สีจิ้นผิง" ต่อสายหา "ปูติน"ประกาศความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
ชาวเมืองในหมู่บ้านใกล้ “ฟุกุชิมะ” ได้กลับบ้านครั้งแรกในรอบ 11 ปี