เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา บริเวณบนถนนสายสีชมพู - ชุมแพ บริเวณตำบลสีชมพู อ.สีชมพู จ.ขอนแก่นโดยผู้เสียหายอายุ 21 ปี ยังคงได้รับบาดเจ็บ มีรอยฟกช้ำตามร่างกาย ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านพัก โดยมีพ่อแม่และพี่สาวคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
พี่สาวหอบหลักฐานร้องสื่อสงสัยน้องสาวถูกระบะชนเสียชีวิต
พี่สาวของผู้เสียหาย เล่าว่า วันเกิดเหตุ น้องสาว ขี่รถจักรยานยนต์ ไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่อยู่ห่างไปประมาณ 10 กิโลเมตร และได้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์จนมีอาการเมาเล็กน้อย แต่ยังสามารถขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านได้
ระหว่างขี่รถออกจากบ้านเพื่อนประมาณ 6 กิโลเมตร ก็พบรถกระบะนิสสัน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งจอดเปิดไฟเลี้ยวซ้าย จึงตัดสินใจแซงขวา แต่เกิดเฉี่ยวชนท้ายรถกระบะเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนกัน จนรถจักรยานยนต์ล้มกลางถนน
ระหว่างนั้นมีชายหญิงคู่หนึ่ง ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา ได้เข้ามาสอบถามเพื่อช่วยเหลือ แต่ชายอายุประมาณ 25-30 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถกระบะคู่กรณีลงมาดู และบอกว่าจะดูแลและช่วยเหลือเอง ชายหญิงคู่นั้นเห็นว่าไม่มีอะไร จึงขี่รถจักรยานยนต์จากไปซึ่งผู้เสียหายก็ได้โทรศัพท์แจ้งทางบ้านและเพื่อนว่าเกิดอุบัติเหตุ
ระหว่างรอ น้องสาวรู้สึกปวดปัสสาวะ จึงเดินเข้าไปในป่าข้างทาง ซึ่งชายคู่กรณีก็เข้ามาช่วยพยุงพาเดินไป แต่เมื่อปัสสาวะเสร็จ ชายคนดังกล่าวกลับก่อเหตุข่มขืน ผู้เสียหายพยายามร้องขอความช่วยเหลือและต่อสู้ แต่บาดเจ็บจากอุบัติเหตุประกอบกับจุดเกิดเหตุไม่มีคนผ่านไปมา
หลังเกิดเรื่องคู่กรณีพยายามจะหลบหนี แต่หญิงผู้เสียหายพยายามรั้งไว้ ประมาณ 30 นาที เพื่อนและพี่สาวก็มาถึงจุดเกิดเหตุ แต่ตกลงกันไม่ได้ จึงแจ้งตำรวจ เมื่อไปถึงโรงพัก ตำรวจได้ส่งตัวฝ่ายหญิงไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ที่ และแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ จังหวะนั้นหญิงสาวจึงตัดสินใจบอกพี่สาวว่า ถูกคู่กรณีข่มขืนในป่าข้างทาง
หลังแจ้งความ ตำรวจได้ส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจที่โรงพยาบาล ซึ่งแพทย์ระบุว่ามีร่องรอยถูกข่มขืน ส่วนฝ่ายชายคู่กรณีตำรวจสอบปากคำ ก่อนปล่อยตัวกลับไป จึงกลัวว่าผู้ต้องหาจะไม่ได้รับโทษ
ด้าน พ.ต.อ.จำรัส ไชยศักดิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสีชมพู ระบุว่ากรณีที่เกิดขึ้น ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ต้องแยกออกเป็น 2 กรณีคือ กรณีเมาแล้วขับ และกรณีข่มขืนอนาจาร
สาวร้องคดีน้องสาวถูกรถชนเสียชีวิตไม่คืบ