การแก้ไขพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ในมาตรา 7 โดยให้การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ จึงเท่ากับว่าเป็นการยกเลิกบทบาทของนายกรัฐมนตรี ผู้เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะ และตัดทบทบาทของมหาเถรสมาคมในเรื่องการให้ความเห็นชอบ รวมทั้งข้อกำหนดเรื่องลำดับอาวุโสสมณศักดิ์ออกไป
สำหรับรายชื่อของ สมเด็จพระราชาคณะ จำนวน 8 รูป โดยเรียงตามลำดับอาวุโสสมณศักดิ์ ประกอบด้วย
1.สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ ) วัดปากน้ำฯ
2.สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวโร) วัดสัมพัธวงศารามฯ
3.สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร ) วัดราชบพิธฯ
4.สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) วัดบวรนิเวศฯ
5.สมเด็จพระธีรญาณมุนี (สมชาย วรชาโย) วัดเทพศิรินทราวาสฯ
6.สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) วัดพิชยญาติการามฯ
7.สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) วัดไตรมิตรฯ
8.สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) วัดญาณเวศกวันฯ
ด้านนายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่า หลังจากนี้จะนำผลการประชุมของ สนช. เกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา 7 รายงานให้มหาเถรสมาคมรับทราบ และเมื่อกฎหมาย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯ ประกาศใช้เมื่อใด กระบวนการที่มหาเถรสมาคมได้เสนอนาม สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชก็ถือว่าตกไป ซึ่งหลังจากนี้ทางมหาเถรสมาคม ก็จะไม่มีส่วนในการเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะ ในการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชอีกต่อไป
ขณะเดียวกันในวันนี้ทางอัยการได้มีคำสั่ง เลื่อนการสั่งคดีเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์เบนซ์โบราณ หมายเลขทะบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถในความครอบครองของสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นครั้งที่ 4 แล้ว เนื่องจากทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ยังทำการสอบสวนเพิ่มเติมในบางประเด็นไม่แล้วเสร็จ จึงเลื่อนการสั่งคดีออกไปเป็นวันที่ 12 มกราคม 2560