นายคิม อิว-คยอน โฆษกของประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ระบุว่า การคงกองกำลังทหารอเมริกันไว้ในเกาหลีใต้ เป็นข้อตกลงด้านความมั่นคงที่เกาหลีใต้กับสหรัฐฯลงนามกันไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งสิ้นสุดสงครามเกาหลีเมื่อปี 1953 และยังไม่มีการยกเลิกแต่อย่างใด
โดยการคงกองกำลังทหารอเมริกันไว้ ไม่เกี่ยวข้อง หรือส่งผลไกระทบต่อการทำสนธิสัญญาสันติภาพ ระหว่างนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ กับประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ของเกาหลีใต้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
ในส่วนของเกาหลีเหนือยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรออกมากับคำประกาศนี้ โดยก่อนการพบกันระหว่าง 2 ผู้นำเกาหลี คิม จอง-อึนเคยพูดไว้ว่า เกาหลีเหนือจะละทิ้งโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ เมื่อได้รับการยืนยันว่าเกาหลีเหนือจะไม่ถูกรุกราน และจะต้องไม่มีทหารอเมริกันในภูมิภาคนี้ด้วย
ซึ่งเป็นที่คาดกันว่า เมื่อคิม จอง-อึน ได้พบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เร็วนี้จริงๆ เชื่อว่าทั้งคู่จะต้องนำเรื่องนี้ขึ้นมาหารือกันแน่นอน
รมว.ต่างประเทศจีน-เกาหลีเหนือ หารือที่กรุงเปียงยาง
ขณะเดียวกันนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ได้พบกับนายรี ยอง-โฮ รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ ที่กรุงเปียงยาง ซึ่งคาดว่าจะหารือเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดสองเกาหลีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลี
โดยนักวิเคราะห์คาดว่า นายหวัง อี้ อาจใช้โอกาสนี้เพื่อยืนยันให้แน่ใจว่าจีนจะไม่หลุดจากวงเจรจาสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ รวมถึงอาจขอให้เกาหลีเหนือให้คำมั่นว่ากระบวนการยุติสงครามอย่างเป็นทางการจะต้องมีจีนรวมอยู่ด้วย
ขณะเดียวกัน ฝ่ายเกาหลีเหนือก็อาจจะขอให้จีน ซึ่งเป็นมิตรหนึ่งเดียวและท่อน้ำเลี้ยงทางเศรษฐกิจสำคัญ ผ่อนปรนการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร และอาจขอให้จีนให้คำมั่นว่าจะคัดค้านมาตรการทางทหารใดๆ ที่สหรัฐฯ อาจจะใช้ ในกรณีที่การหารือระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และ นายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ไม่ประสบผลสำเร็จ และเกาหลีเหนือกลับมาทดสอบขีปนาวุธอีกครั้ง
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและเกาหลีเหนือกลับมาดีขึ้นมากหลังจาก คิม จอง-อึน เดินเยือนกรุงปักกิ่งเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเดินทางไปต่างแดนครั้งแรกของผู้นำเกาหลีเหนือคนปัจจุบันตั้งแต่ปี 2011
โดยก่อนหน้านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศห่างเหินและตึงเครียดเนื่องจากจีนได้ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อตอบโต้การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ