“กฟภ.”แจ้งจับหนุ่มขุดบิตคอยน์ ดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าใช้ไฟฟรี
สาวแจ้งความ กระบะหัวร้อนขับปาด-ตามด่าจนลูกร้องไห้เสียขวัญ
ว่าที่ร้อยโทพิพัฒน์ ตรีรัตนฤดี หัวหน้าสถานีอนามัยคลองแอ่ง พาผู้สื่อข่าวดูที่ดินข้อพิพาท ติดกับถนนสายช้างทูน-บ่อไร่ ต.ช้างทูน อ.บ่อไร่ จ.ตราด เนื้อที่ 1งาน 29ตารางวา หลังถูกธนาคารแห่งหนึ่ง ยึดที่ดินไปขายทอดตลาด โดยที่ไม่มีการแจ้งให้เจ้าของที่ดินรับทราบ
เจ้าของที่ดิน เปิดเผยว่า เริ่มต้นจากเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2554 อดีตแฟนสาว ได้กู้เงินจากธนาคาร เพื่อซื้อที่ดินดังกล่าวจำนวนเงิน 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี โดยมีผู้ค้ำประกันคือ นายนุกุล กองทรัพย์ เพื่อนำเงินมาทำธุรกิจร่วมกัน
จากนั้นตนและแฟนได้เลิกลากันไป จึงขาดการชำระอย่างต่อเนื่อง กระทั่งธนาคารได้เข้ายึดที่ดินดังกล่าวและไปขาดทอดตลาดกับทางกรมบังคับคดี แต่ระหว่างนั้นได้ทยอยนำเงินไปปิดบัญชี ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย จำนวน 180,351 บาท ในวันที่ 16 เมษายน 2564 เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ธนาคารทำเรื่องถอนการบังคับคดีที่ดินแปลงนี้
โดยต่อมาเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2564 ปรากฏว่า สำนักงานบังคับคดีจังหวัดตราด ได้ประกาศขายที่ดินผืนนี้ถึง 4 ครั้ง จนกระทั่งได้ผู้ชนะการประมูลในราคา 235,000 บาท โดยที่ไม่ได้มีการแจ้งเจ้าของที่ดินให้รับทราบ พอรู้เรื่องจากชาวบ้านอีกทีก็พบว่าที่ดินถูกขายต่อไปอีกถึง 2 ทอดแล้ว จากนั้นพอสอบถามไปยังธนาคารทราบว่า เกิดจากความผิดพลาดของธนาคารจริง เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำเรื่องถอนการขายทอดตลาด จึงตั้งข้อสังเกตว่าทำไมแบงก์ถึงปล่อยให้เกิดความผิดพลาดแบบนี้ได้อย่างไร
“ตรงนี้เราก็ได้รับความเสียหาย ได้รับความเดือดร้อน เพราะที่แปลงนี้จะพูดถึงว่าเก็บไว้เป็นมรดกก็ได้ เพราะกรมบังคับคดีขายไปแค่ 235,000บาท ก่อนหน้านี้มีคนมาติดต่อขอซื้อเราไม่ต่ำกว่า 500,000บาท เราก็ไม่ขาย เราต้องการเก็บไว้ให้ลูกให้หลาน เราต้องการที่จะพัฒนาต่อไป ไม่ได้เอาไว้เพื่อจำหน่ายหรือเพื่อธุรกิจอะไรตรงนั้น ก็เลยดำเนินการตรงนี้” ว่าที่ร้อยโทพิพัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ ทางผู้เสียหาย จึงอยากเรียกร้องให้ผู้บริหารธนาคารเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ เพราะเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ธนาคารเอง และที่ดินผืนนี้เป็นเรื่องของจิตใจเพราะต้องการเก็บเอาไว้ให้ลูกสาว ไม่ได้ต้องการจะขายเอาเงิน เพราะที่ผ่านมาก็เคยมีคนขอซื้อถึง 5 แสนบาทก็ยังไม่ขาย จึงพยายามจะทำทุกวิธีทางเพื่อให้ได้ที่ดินกลับคืนมา
ล่าสุดทาง ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SMED Bank ระบุว่า พร้อมรับผิดชอบเยียวยาความเสียหาย กรณีนำที่ดินของผู้ค้ำประกันที่ปิดบัญชีแล้วขายทอดตลาด โดยเบื้องต้นธนาคารได้รับทราบปัญหาดังกล่าว และตรวจสอบพบข้อมูลว่า เกิดข้อผิดพลาดของข้อมูลในระบบปฏิบัติงาน จึงเป็นช่องว่างที่ธนาคารไม่สามารถระงับการขายทอดตลาดได้ทัน และได้ติดต่อไปยังเจ้าของทรัพย์เพื่อชี้แจงพร้อมที่จะแก้ไข
โดยเจ้าของทรัพย์ประสงค์ที่จะได้ทรัพย์ที่ดินดังกล่าวกลับคืนมา ซึ่งธนาคารจะได้เร่งดำเนินการขอซื้อทรัพย์ที่ดินกลับคืนให้แก่เจ้าของทรัพย์ หรือหากไม่สามารถติดตามทรัพย์ที่ดินกลับมาคืนได้ ธนาคารพร้อมรับผิดชอบชดเชยค่าเสียหายให้กับเจ้าของทรัพย์ต่อไป ธนาคารขอยืนยันว่า มิได้มีเจตนาขายทรัพย์ที่ดินที่ปิดบัญชีไปแล้วแต่อย่างใด และขออภัยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบต่อกรณีที่เกิดขึ้น โดยพร้อมจะรับผิดชอบ แก้ไขเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่
