มีตัวเลขคาดการณ์จากกรมอนามัยว่า "ขยะติดเชื้อ" ทุกประเภท หน้ากากอนามัย เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ทั่วประเทศ มีโอกาสที่จะเพิ่มตามสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด 19 อาจสูงถึง 80 ตันต่อวัน และสิ่งที่น่าห่วงคือการทิ้งอย่างไม่ถูกต้องเพราะยังไม่ตระหนักว่าหน้ากากอนามัยเป็นขยะติดเชื้อ วันนี้เราได้ติดตามการทำงานของอาชีพเสี่ยงอาชีพหนึ่งที่ต้องใกล้ชิดกับขยะติดเชื้อเหล่านี้จากการทิ้งไม่ถูกต้องคือคนเก็บขยะ
ขอกลุ่มเสี่ยง “ฆ่าเชื้อแมสก์” ก่อนทิ้ง
กทม.เผยขยะติดเชื้อ หน้ากากอนามัย พุ่ง 20 ตัน/วัน จัดถังส้ม 1,000 จุดรับ แนะวิธีทิ้ง
หน้ากากอนามัยพวกนี้ ปะปนอยู่ในขยะทั่วไป เมื่อทิ้งลงถังที่ไม่ได้มีการคัดแยกตั้งแต่เริ่มต้น พวกเขาจึงเป็นอาชีพเสี่ยงสูง ต้องสัมผัส พบเจอทุกวัน พนักงานเก็บขยะต่อรถหนึ่งคัน ที่ออกตระเวนเก็บในเขตรับผิดชอบ จะต้องเจอแบบนี้ทุกครั้ง
พนักงานเก็บขยะ ของสำนักงานเขตจตุจักร บอกว่า เป็นภาวะที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เมื่อมีการทิ้งปะปนอยู่ก็ต้องเก็บและต้องสัมผัสโดยตรง ซึ่งจะเจอตามถังขยะทั่วไป ที่วางไว้เดี่ยว
การทำงานกับขยะ โอกาสที่เชื้อโรคจะถูกเนื้อตัวมีสูงมาก แม้ว่าจะพยายามป้องกันแล้ว เมื่อเหงื่อออกพนักงานทุกคนใช้ทักษะการเช็ดเหงื่อด้วยแขนเสื้อยกปาดขึ้นมา สิ่งหนึ่งที่พนักงานเก็บขยะสะท้อนออกมาคือการทิ้งหน้ากากอนามัยให้มิดชิดเพื่อพวกเขาจะได้ไม่ต้องตกเป็นผู้เสี่ยงติดเชื้อ
ขยะทุกชนิดทุกประเภทเมื่อถูกเก็บเข้าสู่รถขนขยะก็จะนำมาส่งที่โรงกำจัดขยะมูลฝอย เขตสายไหม ซึ่งจุดนี้คนที่ทำงานจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อม ความสะอาดของกรุงเทพฯ ก็ต้องตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเช่นเดียวกัน หากการทิ้งหน้ากากอนามัย หรือ กระดาษทิชชู่ หลอดดูดน้ำ ช้อนส้อมพลาสติก ที่สัมผัสสารคัดหลั่ง ซึ่งถือเป็น "ขยะติดเชื้อ" ไม่ได้ถูกตามหลักวิธี
กรมอนามัยเอง ได้แนะนำแล้วว่านอกจากการเก็บขยะติดเชื้อเหล่านี้ใส่ถุงพลาสติกมัดปากให้แน่นแล้ว ควรฉีดพรมด้วยน้ำผสมน้ำยาฟอกขาวหรือไฮเตอร์เพื่อฆ่าเชื้ออีกรอบด้วย