ใน 1 วัน เราใช้เวลานอนหลับพักผ่อนอยู่บนที่นอนหลายชั่วโมง แต่รู้ไหมว่า ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ที่เราสัมผัสอยู่ทุกวันเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี เนื่องจากขณะที่เรานอนหลับ จะมีการผลัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกมาราวๆ 30,000-40,000 เซลล์ ซึ่งเซลล์ผิวที่ตายแล้วเหล่านี้จะหลุดร่วงอยู่บนผ้าปูที่นอน นอกจากนี้ ยังรวมถึงน้ำมัน และเหงื่อ ที่ออกมาจากร่างกายขณะนอนหลับด้วย
“แอลกอฮอล์ “สาเหตุหลักที่ทำให้ตับและตับอ่อนเกิดภาวะอักเสบ
คุณเสี่ยงเป็น “โรคตา” หรือไม่? เช็ก 8 โรคตาต้องระวัง
ดังนั้น ควรจะต้องมีการทำความสะอาดบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมเชื้อโชค ซึ่งอาจเป็นสาเหตุในการดึงไรฝุ่นเข้ามาบนที่นอน ส่งผลต่อผู้ที่เป็นโรคหอบหืด เกิดอาการคันตามตัว และเป็นต้นเหตุของสิวได้
ผ้าปูที่นอนควรเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน?
ทางที่ดีควรเปลี่ยน-ซัก ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และปลอกหมอนข้าง สัปดาห์ละ 1 ครั้งเป็นอย่างน้อย ใช้อุณหภูมิที่ 60 องศาเซลเซียส เพื่อทำลายแบคทีเรียให้สะอาด นอกจากนั้นแล้วควรใช้ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนที่แห้งสนิทเท่านั้นส่วนหมอน หมอนข้าง รวมถึงผ้านวม ควรเปลี่ยนทุกๆ 1-3 เดือน
ผลที่จะเกิดขึ้นหากไม่เปลี่ยนผ้าปูที่นอนทุกสัปดาห์
-ไรฝุ่น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด ทั้งยังอาจทำให้เป็นกลาก คัน ได้อีกด้วย
-ติดเชื้อรา เป็นสาเหตุของโรคผิวหนัง
-แบคทีเรีย จะถูกสะสมในปลอกหมอน และผ้าปูที่นอน
-สิว จากเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และแบคทีเรีย สามารถอุดตันรูขุมขน จนทำให้เกิดเป็นสิวขึ้นมาได้
ข้อควรระวังในการซักผ้าปูที่นอน
ไม่ควรแช่ผ้าปูที่นอนในน้ำผสมผงซักฟอกนานเกินไป เพราะเนื้อผ้าอาจถูกทำลาย จนไม่นุ่มเหมือนเดิม และอย่าซักผ้าปูที่นอนรวมกับเสื้อผ้ากองโต เพราะตะขอ กระดุมจากเสื้อผ้า อาจไปเกี่ยวจนผ้าปูที่นอนชำรุดได้