11 ข้อ “ต้องรู้” เมื่อสาว 35+ อยากเป็นคุณแม่!


โดย BDMS Wellness Clinic

เผยแพร่




ช่วงเทศกาลแห่งความรักคู่รักหลายต่อหลายคู่มักถือโอกาสใช้ฤกษ์หวานๆ เช่นนี้จดทะเบียนสมรส เริ่มต้นชีวิตคู่

ทว่า ก่อนจะเริ่มต้นครอบครัวน้อยๆ สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ การเตรียมความพร้อมก่อนแต่งงาน โดยเฉพาะปัจจุบันอายุเฉลี่ยของเจ้าสาวอยู่ที่ 35-38 ปี

การตรวจสุขภาพแบบ Pre-Screening จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อวิเคราะห์ความพร้อมของทั้งบ่าวสาวตั้งแต่ระดับฮอร์โมน สภาวะมดลูกและรังไข่ ความแข็งแรงสมบูรณ์ของน้ำเชื้อฝ่ายชาย เพื่อเพิ่มโอกาสของการมีบุตรมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ทำให้สามารถตรวจสุขภาพเจาะลึกถึงรหัสพันธุกรรม

แยกให้ออกระหว่าง "ซึมเศร้า" กับ "ไบโพลาร์" เหมือนหรือต่างอย่างไร

“สาวไทยแก้มแดง มีลูกเพื่อชาติ” ส่งเสริมการตั้งครรภ์อย่างมีคุณภาพ

โดยที่   ”คลินิกรักษาผู้มีบุตรยากและส่งเสริมสุขภาพสตรี” (Fertility and Women Wellness Clinic) จะทำงานร่วมกับ คลินิกดูแล ป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพ” (Regenerative Wellness Clinic) เป็นการควบรวมทั้งการเจริญพันธุ์และการดูแล ป้องกัน ฟื้นฟูสุขภาพ เพื่อเตรียมความพร้อมในส่วนสุขภาพเฉพาะบุคคลของว่าที่คุณพ่อคุณแม่ที่ไม่เพียงแค่มีบุตรเท่านั้นแต่ยังทำให้มีสุขภาพดีก่อนจะมีบุตร เช่น ต้องเตรียมตัว ต้องบำรุงหรือรับอาหารกลุ่มไหนเป็นพิเศษ รวมทั้งการเสริมในส่วนของวิตามินส่วนบุคคล เป็นต้น ทำให้ Fertility and Women Wellness Clinic หนึ่งในคลินิกเฉพาะทางที่ BDMS Wellness Clinic ได้รับรางวัล Fertility Medical Centre of the Year in the Asia-Pacific 2021 จาก Global Health and Travel Magazine

นพ.พูลศักดิ์ ไวความดี ผู้อำนวยการคลินิกรักษาผู้มีบุตรยากและส่งเสริมสุขภาพสตรี (Fertility and Women Wellness Clinic) แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการเจริญพันธุ์ BDMS Wellness Clinic กล่าวว่า ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเรื่องการทำงาน การวางแผนสร้างครอบครัว แต่ลืมไปว่าการวางแผนมีบุตรมีความสำคัญไม่แพ้กัน

อย่าลืมว่าวันและเวลาผ่านแล้วผ่านเลย ย้อนกลับมาไม่ได้ โดยเฉพาะสาวๆนั้น ตั้งแต่แรกเกิดจะมีไข่ในรังไข่จำนวนมากเกือบ 4-5แสนฟอง และจะลดลงทั้งปริมาณและคุณภาพตามปัจจัยต่างๆของร่างกาย การบำรุงรักษาคุณภาพของไข่จึงเป็นเรื่องสำคัญมากในผู้หญิง โดยช่วงเวลาของวัยเจริญพันธุ์ อยู่อายุระหว่าง 20-35 ปี การวางแผนมีบุตรจึงเป็นสิ่งจำเป็น เช่นบางคนที่ไม่ได้ตั้งใจโสด แต่สนุกกับการทำงาน ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี กว่าจะนึกได้ก็อายุขึ้นหลัก 3 แล้ว ส่วนหนุ่มๆ แม้ว่าวัยทองจะมาถึงช้ากว่า แต่ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นผลให้ตัวอสุจิไม่แข็งแรงก็มีไม่น้อยเช่นกัน

การเตรียมตัวมีบุตรต้องทราบว่าสุขภาพของทั้งคู่มีปัญหาอะไรที่จะส่งผลต่อรังไข่และลูกอัณฑะหรือไม่ อย่างไร ซึ่งที่ Fertility and Women Wellness Clinic มีเครื่องมือที่ทันสมัยสามารถตรวจวิเคราะห์ร่างกายเชิงลึกถึงรหัสพันธุกรรม

Fertility and Women Wellness Clinic ยังมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่นเครื่อง Hamilton Thorne IVOS II  ใช้ตรวจวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของอสุจิ รูปร่างความผิดปกติต่างๆ รวมถึงยังสามารถวิเคราะห์ถึงการแตกหักของหัวอสุจิ (DNA Fragmentation) หรือในขั้นตอนของการคัดเลือกอสุจิสำหรับทำ IVF/ICSI/IUI เราใช้เทคนิคที่เรียกว่า MACs Sperm (Magnetic activated cell sorting Sperm) ในการคัดเลือกอสุจิที่มีความแข็งแรงที่สุด ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิ และได้ตัวอ่อนที่มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ที่สูงขึ้นอีกด้วย

ในส่วนของการตรวจสุขภาพเชิงลึกซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อการวางแผนการมีบุตรและป้องกันการถ่ายทอดโรคทางพันธุกรรมจากรุ่นพ่อแม่สู่ลูก เรียกว่าการตรวจดีเอ็นเอ จะทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นพิมพ์เขียวสำหรับวางแผนปรับพฤติกรรมในแบบเฉพาะบุคคล ช่วยลดความเสี่ยงมีบุตรที่มีภาวะผิดปกติ เช่นเมื่อทราบว่าคู่สมรสเป็นพาหะของโรคธาลัสซีเมียก็สามารถวางแผนป้องกัน ให้โรคธาลัสซีเมียหยุดลงแค่ที่พ่อแม่ ไม่ถ่ายทอดไปยังลูก

รวมถึงกรณีคนที่มีประวัติแท้งบ่อย พบว่าร้อยละ 90 ของการแท้งเกิดจากดีเอ็นเอของตัวอ่อนมีความผิดปกติ ทำให้การเจริญเติบโตของเซลล์หยุดก่อนครบกำหนด ฉะนั้น ประโยชน์ของการวางแผนครอบครัวคือ หมดกังวลว่าลูกที่ออกมาผิดปกติหรือไม่

อย่างไรก็ตาม การวางแผนมีบุตร นพ.พูลศักดิ์ แนะนำว่า ควรมีเวลาอย่างน้อย 3-6 เดือนเพื่อการดูแลสุขภาพในเชิงป้องกัน โดยการปรับรูปแบบการดำเนินชีวิต ตั้งแต่การรับประทานอาหาร นอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การดูแลสภาพร่างกายและจิตใจ รวมทั้งเข้ารับการปรึกษาแพทย์เพื่อการเตรียมตัวอย่างถูกวิธี

ทั้งนี้ 11 ข้อ “ต้องรู้” ในการเตรียมความพร้อมก่อนมีบุตร มีดังนี้... 

1. เข้ารับการปรึกษาแพทย์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งตรวจสุขภาพคู่สามี ภรรยา เพื่อเตรียมความพร้อม รวมทั้งประเมินความเสี่ยงในด้านต่างๆ

2. รับประทานอาหารที่หลากหลาย ครบหมู่ อาหารบางอย่างสามารถกระตุ้นรังไข่ และสเปิร์ม เช่น กลุ่มที่มีสารต้านอนุมูลอิสระมาก คือตระกูลเบอร์รี่ อาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัว เช่น อะโวคาโด ถั่วต่างๆ น้ำมันมะกอก

3. หลีกเลี่ยงของหวาน การที่รับประทานของหวานมากเกินไปจะทำให้ร่างกายมีภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งมีโอกาสทำให้ไข่ตก หรือรังไข่ทำงานลดลง

4. ดูแลน้ำหนักตัวให้อยู่ในระดับมาตรฐาน พบว่าคนที่อ้วนมักมีปัญหาไข่ไม่ตก

5. การนอนหลับให้มีคุณภาพ โดยเข้านอนไม่เกิน 22.00 น. และนอนหลับให้ได้ประมาณ 8-9 ชั่วโมง/วัน

6. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ วันละอย่างน้อย 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน

7. การดูแลสุขภาพใจเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย ภาวะเครียดทำให้ปริมาณไข่และอสุจิลดลง

8. สารอาหารที่สำคัญและจำเป็นต่อสุขภาพของทารกในครรภ์คือ ธาตุเหล็ก โปรตีน กรดโฟลิคหรือโฟเลต วิตามินต่างๆ เช่น วิตามินซี วิตามินอี รวมทั้งวิตามินดีจากแสงแดด

9. ตรวจสภาพมดลูกและรังไข่ว่าไม่มีการอักเสบ เพราะการผลิตไข่ในแต่ละครั้งคุณภาพขึ้นกับสุขภาพเจ้าของรังไข่

10. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ทั้งมือหนึ่ง (Firsthand Smoke) และมือสอง (Secondhand Smoke) ก่อนตั้งครรภ์ 3-6 เดือน

11. ใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยการเจริญพันธุ์หรือการมีบุตรทางวิทยาศาสตร์ (IVF: In-vitro Fertilization) หรือ อิกซี่ (ICSI : Intracytoplasmic Sperm Injection: ICSI) เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จในการมีบุตร

เพราะการจะมีบุตรที่แข็งแรงสมบูรณ์ ต้องเริ่มต้นที่พ่อแม่ที่มีสุขภาพแข็งแรงก่อน. 

BDMS Wellness Clinic มุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการ เพื่อมอบเป็นของขวัญสุขภาพแก่คนไทยทุกคน​ เพราะสุขภาพที่ดี คือของขวัญที่ดีที่สุด ​ Live longer, Healthier and Happier​

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่​ ไลน์: @womenandfertility or https://lin.ee/zG8BJFT  หรือ โทร 028269971 อีเมล info@bdmswellness.com และ เว็บไซต์ www.bdmswellness.com  , https://www.bwcfertilityclinic.com/

ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก BDMS Wellness Clinic

เริ่มแล้ว! ศูนย์ฉีดบางซื่อ เปิด walk in ฉีดวัคซีนเข็ม 3 ไฟเซอร์-แอสตร้าฯ ไม่จำกัดพื้นที่

TOP สุขภาพ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ