บทเรียนคริปโทฯ “LUNA” ล่มสลาย สะเทือนวงการนักเทรด ก่อนคืนชีพ “LUNA 2.0”


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กลายเป็นข่าวโด่งดังในวงการ สกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโทเคอร์เรนซี เมื่อ TerraUSD (UST) ที่ถูกสร้างขึ้นโดย Terraform Labs บล็อกเชน สัญชาติเกาหลี ซึ่งเป็น สเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) อ้างอิงมูลค่าด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เกิดการหลุดการตรึงมูลค่าร่วงลงมาต่ำกว่า 1 UST เท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) ในช่วงเวลาที่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลกำลังผันผวนอย่างหนัก หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้นักลงทุนแห่เทขายทุกสินทรัพย์ รวมถึง luna

เผยเทคนิครู้เท่าทันภัยคุกคาม “การเงินโลกดิจิทัล” ในยุคคริปโทฯบูม!

เตือนคริปโทเสี่ยงต่อสเถียรภาพทางการเงิน แนะเร่งออกมาตรการควบคุม

ตลาดคริปโทฯ ทิศทางขาลง พิษ LUNA-UST ล่มสลาย “เฟด” จ่อซ้ำเติม เร่งขึ้นดอกเบี้ย

UST คืออะไร เหตุใดจึงทำให้ LUNA มูลค่าลดลงอย่างรวดเร็ว

สกุลเงินคริปโทฯ UST เป็น สเตเบิลคอยน์ ที่ถูกตรึงมูลค่าด้วยระบบ อัลกอริทึม (Algorithm) ออกแบบมาให้เผา/สร้างเหรียญ luna อัตโนมัติ ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีผู้ขายสกุลเงินคริปโทฯ  UST จำนวนมากขึ้น ทำให้หลุดมูลค่า 1 UST เท่ากับ 1  ดอลลาร์สหรัฐฯ ระบบจะทำการเผาสกุลเงินคริปโทฯ  UST และผลิตสกุลเงินคริปโทฯ  luna ขึ้นมาทดแทนในมูลค่าที่เท่ากัน เพื่อดึง UST ให้มีมูลค่ากลับเหนือ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ในทางกลับกันมูลค่า luna ก็จะลดลง เนื่องจากมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้นักเทรดเดอร์ยังสามารถทำกำไรได้จากระบบดังกล่าว เนื่องจาก 1 UST สามารถแลกได้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยหาก UST มูลค่าลดลงเหลือ 99 เซนต์ (ต่ำกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ) นักเทรดเดอร์จะสามารถช้อนซื้อ UST เพื่อไปแลกเป็น luna  ที่มีมูลค่า 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งได้กำไร 1 เซนต์ต่อ 1 โทเคนนั่นเอง

ขณะเดียวกัน ผู้สร้าง ยังได้ดึงดูดให้ผู้ที่ถือ UST สามารถนำไปปล่อยกู้ต่อ (staking) หรือให้ยืมเทรด แลกกับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยที่สูงกว่าธนาคารเกือบ 20% จึงกลายเป็นที่สนใจของนักลงทุนจำนวนมาก โดยพบว่า UST ที่หมุนเวียนในระบบกว่า 70% ถูกนำไปปล่อยกู้ในระบบ

Terraform Labs ได้ตั้งเงินสำรองด้วยบิทคอยน์ มูลค่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ เพื่อรองรับความเสี่ยงอีกชั้นหนึ่ง หาก UST มูลค่าหลุดลงต่ำกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เงินสำรองบิทคอยน์นี้จะถูกนำออกมาเทขาย เพื่อไปช้อนซื้อ UST พยุงให้มูลค่ากลับมาอยู่เหนือ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะเดียวกันหาก UST ราคาสูงมากพอแล้ว ผู้ก่อตั้งก็จะเทขาย UST ให้มูลค่ากลับไปที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ อีกครั้ง ส่วนเงินที่ได้จากการขายจะนำไปซื้อบิทคอยน์ เพื่อนำกลับมาเป็นเงินสำรองต่อไป

 

วันล่มสลาย UST และ luna ราคาร่วงต่ำสุดเกือบ 100%

ในวันที่ 7 พ.ค. 2565 สกุลเงินคริปโทฯ  UST เกิดการหลุดมูลค่าครั้งแรกลงมาถึง 0.98 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนวันถัดมาจะถูกดึงกลับไปที่มูลค่า 0.99 ดอลลาร์สหรัฐฯได้อีกครั้ง ต่อมาในวันที่ 9 พ.ค. 65  UST มูลค่าหลุดลงไปถึง 0.76 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามมาด้วยวันที่ 11 พ.ค. 65 UST มูลค่าร่วงลงไปแตะ 0.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ  วันที่ 12 พ.ค. 65 UST มูลค่าร่วงลงต่อเนื่องถึง 0.05 ดอลลาร์สหรัฐฯ  ท่ามกลางความผันผวนหนัก จนมูลค่าถูกผลักดันกลับไปที่ 0.27 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ก็ยังถูกนักลงทุนเทขายอย่างต่อเนื่อง จนในวันที่ 27 พ.ค. 65 เหรียญ UST เหลือมูลค่าครั้งสุดท้ายอยู่ที่ 0.03 ดอลลาร์สหรัฐฯ  หากนับจากราคา 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ UST มูลค่าลดลงกว่า 97% ภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน

แน่นอนว่าด้วยกลไกระบบอัลกอริทึม เมื่อสกุลเงินคริปโทฯ  UST ถูกเทขาย ระบบจะทำลายเหรียญให้ลดลง และไปสร้างสกุลเงินคริปโทฯ  luna ขึ้นมาทดแทนจำนวนมาก ซึ่งทำให้ luna มูลค่าลดลงไปตามกลไกระบบ แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวนักลงทุนเกิดความกังวลอย่างหนักจากการกระหน่ำเทขายของตลาด และเริ่มไม่เชื่อถือสกุลเงินคริปโทฯ  UST และ luna จึงทำให้เงินไหลออกจาก 2 สินทรัพย์นี้จำนวนมหาศาลในเวลาเดียวกัน จึงทำให้มูลค่าของทั้งคู่ร่วงลงเกือบ 100% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงช่องโหว่ของระบบอัลกอริทึม

 

ก.ล.ต. เตือนนักเทรดหน้าใหม่ คริปโทฯผันผวนสูง "ไร้ปัจจัยรองรับ"

ด้านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เคยออกมาเตือนนักลงทุนมือใหม่ชาวไทย ให้ระมัดระวังความเสี่ยงในการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งต้องทำความเข้าใจความเสี่ยงที่สูงมาก

สาเหตุเพราะ สกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซี มีความผันผวนสูง ผู้ที่ลงทุนต้องแบกรับความเสี่ยงได้สูงมากเช่น และมีโอกาสสูญเสียเงินทั้งก้อนได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที ดังนั้นจึงควรจัดสรรเงินลงทุนในสัดส่วนที่เหมาะสม ต้องไม่เป็นภารต่อตนเองและครอบครัว

ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวของราคาของสกุลเงินคริปโทฯ เกิดจากดีมานด์และซัพพลาย รวมถึงปัจจัยทางจิตวิทยา อาจไม่มีปัจจัยพื้นฐานมารองรับ ดังนั้นจึงเป็นเพียงการเก็งกำไรเพื่อการลงทุนเท่านัน

ขณะเดียวกัน ศูนย์การซื้อขาย สกุลเงินคริปโทฯ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้นักลงทุนต้องหมั่นติดตามในบัญชีอยู่เสมอ รวมถึงต้องคอยศึกษา และรับความเสี่ยงจากความผันผวน เพราะยิ่งผลตอบแทนสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งแลกกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นตามไปด้วย

จากข้อมูล ก.ล.ต. รายงานสรุปข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลรายสัปดาห์ วันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา พบว่า ตั้งแต่ต้นปี 65 ผลตอบแทนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความนิยมในไทย ให้ผลตอบแทนติดลบสูงสุด คือ สกุลเงินคริปโทฯ  Kub ให้ผลตอบแทนติดลบมากที่สุด -64.50% รองลงมา XRP -50.12% Ethereum -47.79% และ Bitcoin -36.58% ตามลำดับ

โดยในเดือน พ.ค.65 มีนักลงทุนรายย่อยไทย ซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลสุทธิถึง 1,000 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยต่างชาติขายออกไปสุทธิ 2,000 ล้านบาท และนิติบุคคลาต่างชาติ ซื้อสุทธิ 1,000 ล้านบาท

 

Terra คืนชีพ “LUNA 2.0” หวังกู้กู้วิกฤต “LUNA” 

ล่าสุด Terraform Labs ได้พยายามแก้ไขข้อบกพร่องจากเหตุการณ์ล่มสลายของ LUNA และฟื้นฟูเครือข่าย Terra blockchain ด้วยการเปิดตัว สกุลเงินคริปโทฯ  “LUNA 2.0” ซึ่งเริ่มได้ใช้งานแล้วเมื่อวันที่ 28 พ.ค.65 ที่ผ่านมา

โดยผู้ที่ถือ สกุลเงินคริปโทฯ  LUNA ก่อนเหตุการณ์ล่มสลาย จะได้รับ Airdrop ในอัตราใกล้ 1 ต่อ 1 ส่วนผู้ที่ซื้อเหรียญภายหลังราคาร่วงจะได้รับ อัตรา 1 ต่อ 0.000015 

ด้านผู้ที่ถือ สกุลเงินคริปโทฯ  UST ก่อนราคาหลุดตรึงมูลค่า จะได้รับเหรียญใหม่ในอัตรา 1 ต่อ 0.033 และผู้ที่ซื้อเหรียญหลังจากนั้นจะได้รับ 1 : 0.013

ปัจจุบัน ณ วันที่ 29 พ.ค. 2565 เวลา 13.00 น. ตามเวลาประเทศไทย สกุลเงินคริปโทฯ  LUNA 2.0 ซื้อขายราคาอยู่ในระดับ 6.19 ดอลลาร์ โดยก่อนหน้านี้ขึ้นไประดับจุดสูงสุดตั้งแต่วันเริ่มเทรด (28 พ.ค.65) อยู่ที่ 17.7 ดอลลาร์ และราคาจุดต่ำสุด  4.14 ดอลลาร์  (ลดลง 76% จากราคาสูงสุด)

TOP หุ้น การลงทุน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ