ปธ.ก.อ.ชี้"สกุลธร"จ่ายสินบนหรือไม่ ต้องดูหลักฐานตำรวจ


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ข้อสงสัยนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จะมีความผิดฐานให้สินบนเพื่อแลกกับสิทธิพัฒนาที่ดินย่านชิดลม ของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ตำรวจกองปราบปรามกำลังสืบสวนสอบสวน และวันนี้ทีมข่าวพีพีทีวีได้สอบถามข้อกฎหมายจาก จากนายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ หรือ ก.อ.ซึ่งเคยเป็นอัยการสูงสุดมาแล้ว ซึ่งนายอรรถพละรบุว่า ต้องดูหลักฐานจากตำรวจเป็นหลักว่านายสกุลธรมีส่วนรู้เห็นกับการวิ่งเต้นเพื่อจ่ายเงินใต้โต๊ะหรือไม่

อัยการสูงสุด แจง เหตุสั่งไม่ฟ้อง คดีน้อง“ธนาธร”

อัยการแจงปมคดี“น้องชายธนาธร”ชี้สำนวนยังอยู่ในมือตำรวจ

นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ หรือ ก.อ. และอดีตอัยการสูงสุด  หรือ อสส. ให้ความเห็นถึงคดีนี้ว่า สิ่งสำคัญที่จะชี้ชัดว่า ตำรวจจะดำเนินคดีนายสกุลธรหรือไม่  คือ พยานหลักฐานจากตำรวจ ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ ส่วนตัวไม่สามารถไปชี้แนะหรือตั้งข้อสังเกตใด ๆ ได้ แต่ให้เป็นข้อมูลทางวิชาการได้

โดย นายอรรถพล เริ่มต้นด้วยการอธิบายว่า คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง  เรื่อง ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต  โจทก์คือ พนักงานอัยการ ฟ้อง นายประสิทธิ์ อภัยพลชาญ และนายสุรกิจ ตั้งวิทูวนิช ซึ่งในคำพิพากษาจำนวน 12 หน้า มี 2 เรื่อง คือ 1.ปลอมแปลงเอกสาร และ 2.ฟ้องในฐานะผู้ที่เรียกรับหรือยอมจะรับเงินเพื่อไปวิ่งเต้นเจ้าพนักงาน ตามมาตรา 143 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี

นายอรรถพล ระบุว่า สำนวนนี้ไม่ใช่การกล่าวหานายกสุลธรติดสินบนหรือไม่ แต่เป็นกรณีที่นายสกุลธรไปร่วมกับทั้ง 2 คน เพื่อจะนำวิ่งเต้นกับผู้มีอำนาจหรือไม่ หรือว่านายสกุลธรถูกกหลอก ซึ่งอยู่กับพยานหลักฐานของตำรวจ

"วัชระ"จี้ ผบ.ตร.สอบตร.ไม่ฟ้องน้อง"ธนาธร"ติดสินบน 20 ล้าน

นายอรรถพล ยังพูดถึงรายละเอียดในคำพิพาษาไว้หลายประเด็น เช่น นายประสิทธิ์และนายสรุกิจร่วมกันปลอมเอกสารสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยนายประสิทธิ์ลงนาม นายสุรกิจนำไปให้นายสกุลธรเสนอแผนพัฒนาพื้นที่กลับไปใน 90 วัน เป็นการร่วมกันทำเอกสารปลอมและอ้างให้นายสกุลธรหลงเชื่อเป็นเอกสารจริง

แม้ในคำให้การ ไม่มีใครกล่าวอ้างถึงนายกสกุลธรว่ามีส่วนร่วมในการกระทำผิดเลย แต่ตำรวจสามารถไปดูในรายละเอียดได้ว่านายสุรกิจซึ่งเป็นนายหน้าค้าที่ดิน มีความเชื่อมโยงกับนายสกุลธรหรือไม่ และเหตุใดจึงไม่ดำเนินคดีฉ้อโกงกับทั้งสองคน

ด้าน รศ.มุนินทร์ พงศาปาน คณบดีคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่า การที่ตำรวจอ้างว่าแยกเป็นสองสำนวน  ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลก แต่คิดว่าอาจเป็นเทคนิคการทำคดีของตำรวจ แต่โดยทั่วไปสามารถรวมสำนวนและพิจารณา​ความผิดไปพร้อมกันได้

"วัชระ" จี้ ผบ.ตร.เอาเรื่องตำรวจทำคดี สั่งไม่ฟ้อง "น้องธนาธร"

แต่การจะบอกว่าตำรวจต้องการประวิงเวลาหรือไม่นั้น คงต้องรอดูข้อมูลมากกว่านี้ และต้องดูว่าหลังจำเลยทั้งสองคนถูกดำเนินคดีไปแล้ว ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกา​ยน 2562 ตำรวจได้ดำเนินการตรวจสอบหรือทำอะไรกับนายสกุลธร บ้างหรือไม่ในช่วงเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา

ส่วนประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตว่านายสกุลธร อาจเป็นเพียงผู้เสียหาย ไม่ใช่ผู้กระทำความผิดโดยตรงเพราะเอกสารที่ใช้ทำข้อตกลงเป็นเอกสารราชการ​ปลอม จึงอาจมองได้ว่านายสกุลธรถูกหลอกลวง​ให้หลงเชื่อว่าเป็นการทำถูกขั้นตอน รศ.​มุนินทร์​ ระบุว่า มองได้หลายมุม แต่หากมองอีกมุม นายสกุลธร เป็นนักธุรกิจ​ ที่อยู่ในวงการ​อสังหาริมทรัพย์มานาน​ มีฐานะทางสังคมและการศึกษา​สูง มีที่ปรึกษา​กฎหมาย การจะอ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นการทำเพื่อหวังผลจากกระบวนการที่ไม่ปกติ ก็อาจดูไม่สมเหตุสมผล​ พร้อมย้ำว่าคดีนี้ยังไม่เป็นที่ยุติ จึงต้องรอดูรายละเอียด​ต่อจากนี้ เพราะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

รศ.​มุนินทร์​ ยังวิพากษ์คดีของนายสกุล​ธร​ ในมุมการเมืองว่า มองได้หลายมุมเช่นกัน เช่น หากอยู่ระหว่างการสอบสวน ก็ต้องดูว่าตำรวจทำอะไรไปแล้วบ้าง หรือ มีการสมรู้ร่วมคิดกับตำรวจเพื่อประวิงเวลา หรือหากพบว่านายสกุล​ธร มีความผิดตั้งแต่แรก แต่ไม่ยอมดำเนินคดี เพื่อรอใช้เป็นข้อต่อรองและรอจังหวะที่เหมาะสมในการยกมาเป็นประเด็น ก็เป็นไปได้ทั้งหมด

TOP อาชญากรรม
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ