ตำรวจ ปอท. ทลายเครือข่ายเพจปั่นเฟกนิวส์ โจมตีบริษัทนมข้นหวานชื่อดัง รับเงินคู่แข่ง 12 ล้านบาท


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ตำรวจ ปอท. บุกทลายเครือข่ายเพจเฟซบุ๊ก “ฉาว ต้อง แฉ” ปั่นเฟกนิวส์ ดิสเครดิตบริษัทนมข้นหวานชื่อดัง โดยได้ค่าจ้างจากบริษัทคู่แข่ง 12 ล้านบาท

"จิสด้า" เผย ภาพถ่ายดาวเทียมย้อนหลัง 20 ปี

แบบไหนกัน! แจ้งความหนุ่มงัดหอเคยเช่า เปิดแอร์เย็นฉ่ำ วงจรปิดเห็นชัด

เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2564  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก​.ปอท.) ทลายขบวนการปั่น FAKE NEWS โจมตีบริษัทนมชื่อดัง สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2563 ตัวเเทนจากบริษัทนมข้นหวานชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้เดินทางมายังกองบังคับการปราบปราม โดยแจ้งว่าถูกเพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “ฉาว ต้อง แฉ” โพสต์ภาพเเละข้อความในลักษณะบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ผู้เสียหาย

โดยเป็นการทำลายภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ ซึ่งเพจดังกล่าวมีการเผยเเพร่ข้อความในลักษณะที่ทำให้บริษัทของผู้เสียหายได้รับความเสียหายมาอย่างต่อเนื่อง ทางบริษัทของผู้เสียหายจึงได้ให้ตัวเเทนบริษัทฯ เดินทางเข้าเเจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิดดังกล่าว

จากการสืบสวนจนทราบตัวเเอดมินเพจดังกล่าว ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทที่ปรึกษาด้านโฆษณาและประชาสัมพันธ์ เป็นตัวการสำคัญในการวางแผนการดำเนินการทำลายภาพลักษณ์บริษัทของผู้เสียหาย นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดอีกจำนวน 10 คน ซึ่งทั้งหมดได้รับการว่าจ้างจากนายทุน โดยกระทำการในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ เริ่มตั้งเเต่การเก็บรวบรวมข้อมูลของบริษัทผู้เสียหาย เพื่อหาจุดอ่อนนำมาสร้างประเด็นในการทำลายภาพลักษณ์ หลังจากนั้นได้มีการให้ผู้ร่วมขบวนการไปยื่นหนังสือตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ของบริษัทผู้เสียหายกับหน่วยงานของรัฐ และนำผลการตรวจสอบดังกล่าวไปเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ในลักษณะบิดเบือนข้อเท็จจริง ลดความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้เสียหาย ตลอดจนมีการวางแผนแก้ไขสถานการณ์ในกรณีที่หากถูกบริษัทของผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีกลับ โดยจุดมุ่งหมายหลักในการดำเนินการของขบวนการนี้ คือต้องการให้บริษัทคู่ค้าฯ ต่าง ๆ เลิกวางขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทผู้เสียหาย

ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงได้เร่งสืบสวนขยายผลเพื่อหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังการกระทำดังกล่าว จนทราบว่าเป็น เจ้าของธุรกิจอุตสาหกรรมรายหนึ่ง ซึ่งเคยทำธุรกิจร่วมกับบริษัทของผู้เสียหาย เป็นผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้ทั้งหมด โดยได้สั่งการให้เลขาฯ คนสนิท และทนายที่รู้จัก ดำเนินการติดต่อเจ้าของบริษัทที่ปรึกษาด้านโฆษณาและประชาสัมพันธ์กับพวก ให้ดำเนินการทำลายภาพลักษณ์บริษัทของผู้เสียหาย โดยจ่ายค่าจ้างและค่าดำเนินการทั้งหมดเป็นเงินจำนวนรวมกว่า 12 ล้านบาท  และจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ทราบถึงมูลเหตุจูงใจในการจ้างให้ดำเนินการทำลายภาพลักษณ์บริษัทของผู้เสียหาย ว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากปมขัดแย้งในการทำธุรกิจ

 

ทั้งนี้ จึงได้ทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จนนำไปสู่การขออนุมัติหมายจับผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด 14 ราย โดยในวันที่ 7 ก.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. นำกำลังเข้าทำการตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 17 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 14 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา, เป็นอั้งยี่และช่องโจร, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันบิดเบือนโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน”

พร้อมกับตรวจยึดของกลางเป็นสมุดบัญชีธนาคาร, เครื่องมือสื่อสาร, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอกสารเกี่ยวกับการเงิน และเอกสารต่างๆ รวมกว่า 100 รายการ ซึ่งน่าเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

TOP อาชญากรรม
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ