กลายเป็นเผือกร้อนชิ้นโตที่โยนใส่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ แบงก์ชาติทันที หลังประชาชนหลายหมื่นคน ออกมาเปิดเผยว่าสูญเงินนับหมื่นบาทจากบัญชี ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนทำธุรกรรมเอง โดยคนกลุ่มเหล่านั้นต่างถือบัตรเครดิต และบัตรเดบิต ของธนาคารในกำกับดูแลของแบงก์ชาติ งานนี้แบงก์ชาติ และ สมาคมธนาคารไทย อยู่เฉยนานไม่ได้ ต้องออกแถลงการณ์ ในค่ำวันที่ 17 ตุลาคม โดยสรุปเนื้อหาที่ออกมา คือยืนยันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมิได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลจากธนาคาร
เงินหายจากบัญชี บัตรเครดิต - เดบิตถูกแฮก ติดต่อคอลเซ็นเตอร์แบงก์ขอเงินคืน นายกฯจี้แก้ปัญหา
ระงับบัตรแล้ว แบงก์ให้คืนถูกดูดเงิน ให้รีบติดต่อ "แบงก์ชาติ - ส.ธนาคารไทย" แถลงชี้แจงสาเหตุ
แต่เป็นรายการที่เกิดจากการทำธุรกรรมชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ และไม่ใช่แอพฯดูดเงินตามที่ปรากฏเป็นข่าว และย้ำให้ลูกค้าของธนาคาร ตรวจสอบความผิดปกติของรายการธุรกรรมด้วยตัวเอง
จากกข้อความดังกล่าวทำให้หลายคนมองว่า แถลงการณ์ที่ออกมา ดูเหมือนแบงก์ชาติจะนิ่งเฉยเกินไป จึงทำให้ลูกค้าบางส่วนเริ่มไม่มั่นใจกับระบบ จึงเดินทางไปถอนเงินออกจากบัญชี
ขณะเดียวกัน แบงก์ชาติ และสมาคมธนาคารไทย ต้องหารือแนวทางพร้อมกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ปัญหา ก่อนออกแถลงการณ์ใหม่อีกรอบ โดยระบุว่า
1. ยกระดับความเข้มข้นในการตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ ให้ครอบคลุมทั้งธุรกรรมที่มีจำนวนเงินต่ำและที่มีความถี่สูง หากพบธุรกรรมที่ผิดปกติ ธนาคารจะระงับการใช้บัตรทันทีและแจ้งลูกค้าในทุกช่องทาง รวมทั้งติดตามเฝ้าระวังรายการธุรกรรมจากต่างประเทศเป็นพิเศษ
2. เพิ่มการแจ้งเตือนลูกค้าในการทำธุรกรรมทุกรายการ ตั้งแต่รายการแรกผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ระบบ Mobile banking อีเมล หรือ SMS
3. กรณีที่ตรวจสอบพบว่าลูกค้าได้รับผลกระทบจากการทุจริตตามข้างต้น กรณีบัตรเดบิต ลูกค้าจะได้รับการคืนเงินภายใน 5 วันทำการ ส่วนกรณีบัตรเครดิต ธนาคารจะยกเลิกรายการดังกล่าว ลูกค้าไม่ต้องชำระเงินตามยอดเรียกเก็บที่ผิดปกติ และจะไม่มีการคิดดอกเบี้ย
4. ธปท. และสมาคมธนาคารไทยจะเร่งหารือกับผู้ให้บริการเครือข่ายบัตร เช่น Visa Mastercard เพื่อกำหนดให้มีการใช้การยืนยันตัวตนเพิ่มเติม เช่น OTP กับบัตรเดบิตสำหรับร้านค้าออนไลน์
ส่วนตัวเลขบัตรที่โดนตัดเงินไปอย่างผิดปกติด ตั้งแต่วันที่ 1 - 17 ต.ค. มีจำนวนทั้งสิ้น 10,700 ใบ เป็น แบ่งเป็น
1. บัตรเครดิต 5,900 ใบ 100 ล้านบาท
2. บัตรเดบิต 4,800 ใบ 31 ล้านบาท
โดยในช่วง 4 วันนี้ ที่ผ่านมา จำนวนบัตรเดบิตเพิ่มขึ้นผิดปกติเมื่อเทียบกับการเพิ่มของบัตรเครดิต
พร้อมกันนี้ แบงก์ชาติยังย้ำเตือนประชาชน หากพบความผิดปกติของธุรกรรมด้วยตนเอง สามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตร เพื่อแจ้งตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของธุรกรรมในทันที โดยธนาคารจะดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด
สรุปเหตุการณ์คนใช้บัตรเครดิต - เดบิต โดนหักเงินจากบัญชีไม่รู้ตัว - แนวทางดำเนินคดี
สำหรับประชาชนทั่วไป ควรตรวจสอบการทำธุรกรรมของตนเองอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งระมัดระวังการผูกบัตรเดบิตในการทำธุรกรรม โดยเฉพาะกับแพลตฟอร์มที่มีความเสี่ยง เช่น เกมออนไลน์ แพลตฟอร์มที่ไม่มีการยืนยันตัวตนก่อนเข้าใช้งาน หรือไม่มี OTP ทั้งนี้ สำหรับบางธนาคาร ลูกค้ายังสามารถเปิด/ปิดการใช้งานของบัตร หรือเปลี่ยนแปลงวงเงินการใช้บัตร หรืออายัดบัตรได้ด้วยตัวเองผ่านแอพพลิเคชั่นของธนาคาร นอกเหนือจากการติดต่อกับธนาคาร
ดีเดย์ 15 ธ.ค. ขึ้นค่าทางด่วน ศรีรัช – วงแหวนรอบนอก รถ 4 ล้อ ปรับเป็น 65 บาท
ธปท. และ สมาคมธนาคารไทย ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า โดยธนาคารมีระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและมีการตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติอย่างต่อเนื่อง ในระยะต่อไป ธปท. และสถาบันการเงินจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการยกระดับมาตรการและประสิทธิภาพการตรวจจับและตอบสนองต่อรายการผิดปกติ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากการเกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว