"วัชระ"จี้ ผบ.ตร.สอบตร.ไม่ฟ้องน้อง"ธนาธร"ติดสินบน 20 ล้าน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




คดีน้องชายนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้เงินเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ 20 ล้านบาท เพื่อให้ได้สิทธิในการพัฒนาที่ดินย่านชิดลม-เพลินจิต มีหลายฝ่ายจับตามองมากขึ้น ล่าสุดวันนี้ นายวัชระ เพชรทอง ยื่นหนังสือให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สอบสวนเจ้าของคดีว่าเหตุใดถึงสั่งไม่ฟ้อง หลังก่อนหน้านี้เขายื่นเรื่องอัยการสูงสุดสอบสวนการสั่งไม่ฟ้องของอัยการแล้วเช่นกัน

เปิดประวัติ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ผู้ปรารถนาจะเป็น "นายกฯ"

"วัชระ" จี้ ผบ.ตร.เอาเรื่องตำรวจทำคดี สั่งไม่ฟ้อง "น้องธนาธร"

นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สอบสวนพนักงานสอบสวนที่สั่งไม่ฟ้องนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในความผิดให้สินบนเจ้าพนักงาน โดยมี พ.ต.อ.นันพิเดช ศรีเขียวรัตน์ รองผู้บังคับการประจำสำนักงานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ นายตำรวจเวรอำนวยการ เป็นผู้รับเรื่องไว้

นายวัชระกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นหลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ระหว่างพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต เป็นโจทก์ฟ้อง นายประสิทธิ์ อภัยพลชาญ เจ้าหน้าที่ฝ่ายโครงการพิเศษ สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์  และนายสุรกิจ ตั้งวิทูวนิช เอกชนรายหนึ่ง เป็นจำเลยที่1-2

โดยคำพิพากษาตอนหนึ่งระบุว่า นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้เงิน 20 ล้านบาท ให้แก่จำเลยทั้งสอง คือนายประสิทธิ์และนายสุรกิจ  รวม 3 ครั้ง สองครั้งแรก ครั้งละ 5 ล้าน และครั้งที่สามจำนวน 10 ล้านบาท โดยเตรียมให้เงินมากถึว 500 ล้านบาท เพื่อตอบแทนในการติดต่อประสานงานและนำเงินส่วนหนึ่ง ไปมอบให้รองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามกฎหมาย เพื่อจูงใจให้จัดสรรที่ดินบริเวณองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ย่านชิดลม ให้บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ได้สิทธิการเช่าระยะยาว โดยไม่ต้องผ่านการประมูลแข่งขันตามขั้นตอนปกติ ทำให้สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เสียประโยชน์ ที่จะได้รับเงินจากการประมูลที่สูงที่สุด

นายวัชระระบุว่า ต่อมาศาลพิพากษาว่า นายประสิทธิ์และนายสุรกิจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหลายมาตรา คือ 83, 143, 264, 265, และ 268 และความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต  2542 มาตรา 123/4 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม รวมสองกระทง

ลงโทษฐานร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 จำคุกกระทงละ 2 ปี ฐานร่วมกันเป็นตัวกลางในการเรียกรับสินบน เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 จำคุกคนละ 2 ปี รวมจำคุกคนละ 6 ปี นายประสิทธิ์และนายสุรกิจให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษ ให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงลงโทษจำคุกคนละ 3 ปี

นายวัชระระบุว่า ด้วยเหตุตามคำพิพากษานี้ จึงขอให้ ผบ.ตร.สั่งสอบสวนพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี และ ผกก.สถานีตำรวจผู้รับผิดชอบ ว่าเหตุใดจึงสั่งไม่ฟ้องนายสกุลธร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการทางกฎหมายต่อนายสกุลธร อย่างไร โดยนายวัชระระบุว่า ไม่ทราบว่า สน.ดังกล่าวเป็น สน.ใด

มีรายงานว่าสาเหตุการสั่งไม่ฟ้องนายสกุลธร เพราะพนักงานสอบสวนและอัยการเห็นว่านายประสิทธิ์ แม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพย์สินฯ แต่ไม่อำนาจหน้าที่โดยตรงในการจัดซื้อ จัดประมูล จึงไม่มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบน แต่มีความผิดฐานเป็นคนกลางเรียบรับสินบน ส่วนนายสุรกิจเป็นเอกชน มีความผิดฐานร่วมทำผิดกับนายประสิทธิ์ และทำให้นายสกุลธรไม่ถูกตั้งข้อหาใดๆ  เพราะเห็นว่านายสกุลธรถูกหลอกลวง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มีอายุความ 3 เดือน และนายสกุลธรก็ไม่ได้แจ้งความ

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP การเมือง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ