พ่อหมอทหาร โวย "กองทัพ" กลั่นแกล้ง ทัพไทยรับบกพร่อง สุดวิสัย ส่งไปซูดาน เผยหลอกฉีดวัคซีนบาดทะยัก


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กองทัพไทย แถลงยัน ปมให้ออก หมอทหาร ไปเซาท์ซูดาน รับข้อบกพร่อง แจงยิบตรวจสอบเข้ม พบหลอกฉีดวัคซีนบาดทะยัก แต่ลวงว่าเป็นวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ออกหมายจับหนีทหาร "พ่อหมอ" โวย กองทัพแกล้งลูก ใส่ร้าย ฟ้องทุกที่

จากกรณี พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เผยว่ากองทัพส่งถึงเลขาธิการแพทยสภา ให้พิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมแพทย์ทหารนายหนึ่ง ที่ไปปฏิบัติหน้าที่ยังกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย-เซาท์ซูดานเรียก แล้วไปเก็บเงินทหารที่ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นค่าวัคซีนอ้างเป็นวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19  จนมีการตรวจสอบของยูเอ็นและกองทัพ พร้อมทั้งให้นายทหารคนดังกล่าว ออกจากราชการ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ให้ออก ร้องแพทยสภาฯเพิกถอน "หมอทหาร" หลอกขายวัคซีน ทหารช่างในซูดาน "ยูเอ็น" เอาเรื่อง

พิษ โควิด-19 ทหารไทยในซูดาน ผลัดที่ 1 เลื่อนเดินทางกลับ

ทหารไทยกลับจากซูดาน ติดโควิด 31 นาย

ต่อมามีชายคนหนึ่ง อ้างตนเป็นบิดาของแพทย์ทหารนายดังกล่าว ระบุว่า ตามที่ ผบ.ทสส.ออกมาให้สัมภาษณ์ดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยอ้างว่าบุตรชายของตนถูกลั่นแกล้ง รังแก ไม่มีกระบวนการสืบสวนสอบสวนแต่อย่างใด และเรื่องทั้งหมดไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเลย และจะดำเนินการทางกฎหมายกับทุกคน ที่ผ่านมาร้องเรียนเรื่องนี้ยังทุกหน่วยงานในประเทศนี้ เช่นคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เนื่องจากบุตรชายของตนถูกละเมิดสิทธิ รวมทั้งทำหนังสือกล่าวโทษไปยัง ผบ.ทสส.ร้องทุกข์ว่าลูกชายของคนถูกกลั่นแกล้งโดยกองทัพ จากนี้จะใช้สิทธิทางศาลกับทุกคน

ชายที่อ้างเป็นบิดาของนายแพทย์ทหาร ยอมรับว่าบุตรชายไปปฏิบัติภารกิจที่เซาท์ซูดานจริง และมีการฉีดวัคซีนจริง อ้างเป็นการฉีดวัควีนตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา เรื่องนี้เกิดตั้งแต่ปี 63 กแต่เอามาขยายความในตอนนี้ โดยอ้างว่าใช้สื่อเป็นเครื่องมือ พร้อมยอมรับว่าบุตรชายตนเองถูกปลดออกจากราชการ และถูกเพิกถอนใบอนุญาตฯ

ล่าสุดวันนี้ (2 มี.ค.) พล.ท.เชาวลิตร สังฆฤทธิ์ โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย  แถลงว่าตามที่ได้มีการนำเสนอข่าว เกี่ยวกับนายทหารที่ไปปฏิบัติภารกิจที่เซาท์ซูดานถูกสอบสวนกรณีหลอกลวงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในประเทศแอฟริกานั้น กองบัญชาการกองทัพไทย ขอเรียนว่าเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวจริง เมื่อปี2563 ซึ่งเป็นนายทหารสัญญาบัตรยศร้อยโทตำแหน่งนายแพทย์โรงพยาบาลสนาม และได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน พร้อมรายงานให้ผู้บังคับบัญชากองกำลังภารกิจสหประชาชาติในเซาท์ซูดาน และกองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วยต้นสังกัดทราบ พร้อมทั้งให้กำลังพลดังกล่าวจบภารกิจและส่งตัวกลับประเทศไทย เมื่อ มี.ค 2563

กรณีดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของกองทัพไทยและประเทศไทยในภารกิจร่วมสหประชาชาติ ต่อกรณีดังกล่าวกองทัพไทยได้ดำเนินการอย่างทันท่วงที โดยไม่มีการปกป้องผู้กระทำผิดแต่อย่างใด โดยกองทัพบกในฐานะเป็นต้นสังกัดกำลังพลดังกล่าว ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และพิจารณาในประเด็นมาตรฐานทางจริยธรรมควบคู่กันไป 

สำหรับผลการสอบสวนสรุปว่า นายทหารท่านดังกล่าวได้กระทำผิดจริง มีพฤติกรรมหลอกลวงผู้บังคับบัญชาและกำลังพล ให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่โดยแอบอ้างว่าเป็นคำสั่งของนายแพทย์ประจำภารกิจแต่กลับนำสารอื่นเข้าสู่ร่างกายกำลังพลแทน พร้อมทั้งได้เรียกเก็บเงินกำลังพลเป็นค่าวัคซีนด้วย แสดงถึงเจตนาทุจริตหลอกลวง พฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายฉ้อโกงและประพฤติผิดวินัยอย่างร้ายแรง 

ทั้งนี้ในระหว่างการสอบสวนนายทหารคนดังกล่าวไม่มาปฏิบัติหน้าที่ราชการ และไม่สามารถติดต่อได้ หน่วยต้นสังกัดจึงได้ดำเนินการในฐานความผิดหนีราชการในเวลาประจำการ และเสนอปลดออกจากราชการ พร้อมกันนี้ศาลทหารกรุงเทพ ได้ออกหมายจับ ในข้อหาหนีราชการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว 

นอกจากนั้นได้มีหนังสือถึงแพทยสภาให้พิจารณา เพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณา  ในระหว่างนี้แพทยสภาจะให้โอกาสนายแพทย์คนดังกล่าวมาชี้แจงอีกครั้งหลังจากเรียกมาให้ข้อมูลครั้งนึงแล้ว หากไม่มาก็จะถอนใบประกอบวิชาชีพต่อไป

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอเรียนว่าเป็นการกระทำผิดส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่ผิดวินัยทหารและกฎหมาย รวมทั้งสร้างความเสื่อมเสียร้ายแรงต่อชื่อเสียงของกองทัพและประเทศชาติ กองทัพไทยได้ดำเนินการตามกฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยทันที เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงได้ดำเนินการเรื่องจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพเวชกรรมทั้งนี้เพื่อป้องกันผลกระทบและสร้างความเข้าใจต่อสาธารณชนทั่วไป ในส่วนของกำลังสหประชาชาติก็มีความเข้าใจในกระบวนการที่กองทัพไทยได้ดำเนินการต่อเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวไม่กระทบต่อภารกิจโดยรวมของกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย เซาท์ซูดาน"

พล.ท.เชาวลิตร กล่าวว่า ตั้งแต่มีการจัดกองกำลังไปปฏิบัติงานในนามของสหประชาชาติไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อนครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกเนื่องจากที่ผ่านมาเรามีกระบวนการคัดเลือกบุคลากร ศึกษาถึงภูมิหลัง สอบถามผู้บังคับบัญชา แต่กรณีของนายแพทย์คนดังกล่าว ไม่ได้ผ่านขั้นตอนการคัดเลือกเนื่องจากไปแทนนายแพทย์คนเดินที่ต้องกลับมาประเทศไทยในช่วงนั้นจึงเป็นเรื่องกระทันหันไม่ได้มีการพิจารณาตามขั้นตอนต่างๆ 

"จากการตรวจสอบของคณะกรรมการฯ นายแพทย์คนดังกล่าว ยอมรับกับ ผบ.ร้อยทหารช่างฯ เองว่าทำคนเดียวไม่มีใครเข้ามาเกี่ยวข้องโดยได้จัดซื้อวัคซีนจากประเทศอินเดีย ซึ่งทางยูเอ็นนำไปตรวจสอบ พบว่าเป็นวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักไม่ใช่ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์แอฟริกา  ส่วนกำลังพลที่เสียหายไม่ได้ติดใจอะไรเนื่องจากจำนวนเงินที่เสียหายต่อคนประมาณแค่ 500 บาทรวมกำลังพลกว่า 200 นายรวมจำนวนแล้วประมาณ 1.7 แสนกว่าบาท ซึ่งไม่ได้เป็นจำนวนเงินมากมายแต่สิ่งที่เราตระหนักก็คือเรื่องของคุณธรรมจริยธรรม"

ส่วนกรณีที่แพทย์คนนั้นได้อ้างว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งเป็นโรคที่ห้ามเป็นทหารนั้นไม่ขอตอบประเด็นนี้ แต่การเป็นทหารและเรียนการแพทย์ทหารบก ทั้งสมองและร่างกายจะต้องมีความแข็งแรงสมบูรณ์จะไม่รู้เจตนาว่าทำไปทำไม อีกทั้งตัวเขาเองนั้นก็ยศร้อยโท อายุไม่มากนัก ร่างส่วนที่อ้างว่าถูกกำลังพลของกองร้อยทหารช่างฯคุกคามข่มขู่นั้นก็ไม่เป็นความจริงจากการสอบถามกำลังพลทั้งหมดให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันในขณะที่ทบ.และแพทยสภาเปิดโอกาสให้ชี้แจงตัวเขาก็ไม่มาชี้แจง

ขณะที่ พล.ต.ณัฐพล แสงจันทร์ ผู้อำนวยการศูนย์สันติภาพ กรมยุทธการทหารกล่าวว่า  สำหรับการดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับกำลังพลที่เดินทางไปในพื้นที่ดังกล่าวจะมีมาตรฐานจากยูเอ็นกำหนดไว้ โดยก่อนออกเดินทางทุกคนจะได้รับวัคซีน 3ชนิดคือไข้เหลือง กาฬหลังแอ่น อหิวาห์ตกโรค หากมีความต้องการฉีดเพิ่มต้องออกค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งช่วงดังกล่าวมีการแพร่ระบาดโควิด มีการแนะนำว่าฉีดว่าหากฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะช่วยไม่ให้ติดเชื้อ โควิด-19  ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นจากการส่งแพทย์คนดังกล่าวไปแทนคนเก่านั้นก็เป็นเหตุสุดวิสัย

ชัดก่อนแชร์ | ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ แล้วจะไม่เป็นหวัดอีกจริงหรือ? | PPTV HD 36

 

TOP การเมือง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ