วันนี้ 7 ก.ย. 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.อนุมัติงบประมาณ 4,254.36 ล้านบาท ในการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค เพิ่มเติม จำนวน 12 ล้านโดส เพื่อรองรับการฉีดวัคซีนสูตรผสมระหว่างซิโนแวคกับแอสตร้าเซนเนก้าเพิ่มเติม
นายธนกร กล่าวว่า ทั้งนี้ ต้องทำความเข้าใจว่า การจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค 12 ล้านโดสในครั้งนี้เพื่อรองรับการฉีดสูตรดังกล่าว ที่ได้รับการยืนยันว่าปลอดภัยและสร้างภูมิคุ้มกันได้ระดับดีมาก
2 เหตุผล ต้องซื้ออีก"ซิโนแวค" 12 ล้านโดส ศบค.เผยเหตุโยง "จอห์นสันฯ - แอสตร้าเซเนก้า"
สธ. ยัน จัดซื้อวัคซีนทุกตัวโปร่งใส ไม่มีเงินทอน ย้ำ “ซิโนแวค” ปลอดภัย ลดป่วยรุนแรง
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ครม.อนุมัติกรอบวงเงิน 4,254.36 ล้านบาท สำหรับจัดหาวัคซีนซิโนแวคเพิ่มเติม จำนวน 12 ล้านโดส เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคแก่ประชาชน ใน 4 กลุ่มเป้าหมาย ดังนี้
1.กลุ่มประชาชนที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง (ปอดอุดกั้น หอบหืด) โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตเรื้อรังระยะที่ 5 (ไตวายเรื้อรัง) โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งทุกชนิดที่อยู่ระหว่างการรักษาด้วยเคมีบำบัด รังสีบำบัดและภูมิคุ้มกันบำบัด โรคเบาหวาน และโรคอ้วน (BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 35 น้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม)
2. ประชาชนอายุ 60 ปีขึ้นไป
3. เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโควิด-19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย เช่น ด่านควบคุมโรคตามชายแดน สถานกักกันโรค ทหาร ตำรวจ เจ้าที่เก็บขยะติดเชื้อเป็นต้น
4. ประชาชนทั่วไปที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย
นายธนกร กล่าวถึงการจัดหาวัคซีนซิโนแวคจำนวน 12 ล้านโดสนี้ เพื่อให้เป็นไปตามแผนการจัดหาวัคซีนให้แก่ประชาชน เพราะเป็นวัคซีนที่ผลิตแล้วไม่ต้องทำการจัดซื้อล่วงหน้าเช่นเดียวกับวัคซีน ทำให้สามารถส่งมอบได้ในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. และยังเป็นการรองรับการฉีดวัคซีนสูตรผสมและเพิ่มความครอบคลุมของการได้รับวัคซีนแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศที่รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มวัยแรงงาน 8 ล้านคน และกลุ่มแรงงานต่างด้าว 2 ล้านคน โดยเฉพาะในพื้นที่เศรษฐกิจกรุงเทพฯ และปริมณฑล
นายธนกร กล่าวย้ำว่า เพื่อชะลอไม่ให้เกิดการติดเชื้อและแพร่กระจายในวงกว้าง การฉีดวัคซีนไขว้ระหว่างวัคซีนซิโนแวค และแอสตร้าเซเนก้า จะสามารถร่นระยะเวลาการฉีดลงได้ และยังทำให้เกิดภูมิคุ้มกันในระดับสูงตามผลการวิจัย ช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคแก่ประชาชน ลดอัตราการป่วย การเสียชีวิต และลดค่าใช้จ่ายภาครัฐในการดูแลรักษาผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 รวมทั้งลดผลกระทบ ฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและสังคมให้กลับสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว
กทม. จ่อฉีดไฟเซอร์ให้เด็ก นร.กลุ่มเสี่ยงอายุ 12-18 ปี ดีเดย์ 21 ก.ย. นี้
เวียดนามจำคุก 5 ปีชายแพร่โควิด - โฮจิมินห์วิกฤต ไม่มีเตียงไม่มีอาหาร