หากไล่เรียงยุทธการ "ปลดฟ้าผ่า" ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เลขาธิการและเหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ พ้นจาก "ครม." โดยที่พี่ใหญ่ 3 ป. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่รู้ตัวตั้งแต่ต้น
พบว่าเป็นมาจากผลพวงกระแสข่าวที่ภายหลังดูเหมือนจะมีน้ำหนัก คือ การล็อบบี้ ส.ส. โหวตคว่ำ เลื่อยขาเก้าอี้ พล.อ.ประยุทธ์ ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบล่าสุด แม้จะจบลงด้วยคำขอโทษ ของ ร.อ.ธรรมนัส แต่ก็ใช่ว่าจะยุติ “ความไม่ไว้ใจ" ลงได้
พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ "ธรรมนัส พรหมเผ่า - นฤมล ภิญโญสินวัฒน์" พ้นตำแหน่งรัฐมนตรี
“ธรรมนัส” ผงาด เลขาฯพปชร. ลั่น เลือกตั้งครั้งหน้า เป็นพรรคอันดับ 1
จนกระทั่ง การประชุมครม. วันอังคารที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา "พล.อ.ประยุทธ์" ก็ยังขุ่นเคือง ไม่มองหน้า ร.อ.ธรรมนัส ระหว่างเดินเข้าประชุมครม. เช่นเดียวกับ พี่คนกลาง 3 ป. บิ๊กป็อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่แม้จะยื่นมือไปทักทาย แต่ก็ไม่ได้สบสายตาพูดคุย
แถมหลังการประชุมครม. พล.อ.ประยุทธ์ นั่งรถออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยแจ้งเพียงว่า ไปทำ "ภารกิจ ว.5" และเป็นงานสำคัญในช่วงค่ำ ซึ่งวันนั้นเข้าใจกันว่า เป็นเรื่องบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับสูง เท่านั้น
โดยไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไปทำอะไร แม้แต่พี่ใหญ่ 3 ป. อย่าง พล.อ.ประวิตร เองก็ตาม เพราะช่วงเช้าในวันที่ 8 ก.ย. ร.อ.ธรรมนัส และ นางนฤมล ถูกปลด พล.อ.ประวิตร ก็ยังคงย้ำว่า "ยังไม่มีการปรับ ครม." แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่าการตอบคำถามของ พล.อ.ประวิตร ค่อนข้างมีอารมณ์ฉุนเฉียวกว่าทุกครั้ง
กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ ไปเข้าพบ พล.อ.ประวิตร ที่ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อแจ้งเรื่องสำคัญนี้ให้รับรู้ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ซึ่งมีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร ถึงกับพูดไม่ออก เพราะคำตอบของ พล.อ.ประยุทธ์ คือ "ผมมีเหตุผลของผม และเป็นเรื่องของผม ผมจะจัดการทุกอย่างเอง"
จึงเป็นที่มาของหนังสือลาออก ของ ร.อ.ธรรมนัส ที่ทำอย่างเร่งด่วน ซึ่งแหล่งข่าวที่ใกล้ชิด ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า ร.อ.ธรรมนัส รู้ตัวช้าจึงทำหนังสือลาออกย้อนหลังเป็นวันที่ 8 ก.ย. แต่ทั้งหมดเกิดขึ้นหลังทำเนียบรัฐบาล ได้เผยแพร่ราชกิจจานุเบกษาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จับโป๊ะ จดหมายลาออก "ธรรมนัส พรหมเผ่า"เผยเบื้องหลัง รู้ช้า ไม่ทันกาล ถูกปลด!
การเดิมเกมอย่างเด็ดขาดของพล.อ.ประยุทธ์ โดยที่พี่ใหญ่ 3 ป. ไม่รู้ล่วงหน้าเช่นนี้ ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เชื่อว่า อาจมีผลต่อเรื่องความสัมพันธ์ในกลุ่ม 3 ป. เพราะตามมารยาทการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐ ควรจะต้องแจ้งให้ พล.อ.ประวิตร ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรครับรู้ก่อน แต่เชื่อว่าถึงจะมีความขุ่นเคืองใจกันอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ 3 ป. ก็ยังเป็นหลักในการกุมเก้าอี้สำคัญของรัฐบาล และทำงานร่วมกันต่อไปอีกนาน หากไม่มีอุบัติเหตุทางการเมือง
ส่วนโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะลงไปกำหนดทิศทางต่างๆ ในพรรคพลังประชารัฐเอง ผศ.วันวิชิต เชื่อว่า จะไม่เป็นเช่นนั้น แต่ให้น้ำหนักกับการที่ยังให้ พล.อ.ประวิตร บริหารจัดการต่อไปตามเดิม ซึ่งคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐ ในเร็วๆ นี้ เพราะท่าทีของ ร.อ.ธรรมนัส ก็บ่งบอกชัดเจนแล้วว่าไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อีกแล้ว
ผศ.วันวิชิต ยังระบุว่า การออกไปของ ร.อ.ธรรมนัส ครั้งนี้ อาจเหมือนปล่อยเสือเข้าป่า เพราะถือว่าเป็นผู้รู้เรื่องในพรรคพลังประชารัฐ และกุมอำนาจไว้มากที่สุดคนหนึ่ง จึงเชื่อว่าหลังจากนี้่ ร.อ.ธรรมนัส คงจะเปิดหน้าชน และมีการนำข้อมูลบางอย่างออกมาแฉอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าในทางใด
ผศ.วันวิชิต ยังมองว่า ร.อ.ธรรมนัส ยังมีกลุ่ม ส.ส. บางส่วนในพรรคพลังประชารัฐ ที่พร้อมที่จะตามไปทำงานการเมืองด้วย ระหว่างนี้อาจมี ส.ส.บางส่วนที่่โหวตสวนมติพรรคให้รำคาญใจอยู่บ้าง และเห็นได้จากการลงมติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวันนี้ แต่ก็คงไม่ถึงกับที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจ "ยุบสภา" ได้ และเชื่อว่าการตัดสินใจครั้งนี้ อาจมีเป้าหมายกระชับอำนาจให้อยู่ครบเทอมหรืออีก 1 สมัย