“ไพบูลย์”ไม่หลุดเก้าอี้ ส.ส. ยุบพรรคไม่ผิด


โดย PPTV Online

เผยแพร่




จากกรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส. ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน จะสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ หลังจากที่นายไพบูลย์ ในฐานะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ได้ยุบพรรคตัวเองและลงสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติเสียงข้างมากเห็นว่า การยุบพรรคเป็นไปตามกฎหมายซึ่งสามารถทำได้และไม่มีความผิด

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 24/2563 กรณีประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ หรือไม่
กรณีนายไพบูลย์ หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนปฏิรูป ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หลังจากที่พรรคประชาชนปฏิรูป สิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง

 

 

"ไพบูลย์" รับถูกประสานให้ร่วม กมธ.ศึกษาแก้ รธน.อุบถูกวางตัวชิงประธาน

"เพื่อไทย" กังวล “ไพบูลย์โมเดล” เป็นเกมขโมยส.ส.อนาคตใหม่

ทั้งที่นายไพบูลย์ ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรคดังกล่าวจนกว่าการชำระบัญชีจะแล้วเสร็จ และมิได้เป็นผู้มีชื่อในบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ ที่ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อนปิดรับสมัครเลือกตั้ง  โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากพิจารณาแล้วเห็นว่า สมาชิกภาพของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ผู้ถูกร้องไม่สิ้นสุดลง เนื่องจากการสิ้นสภาพของพรรคประชาชนปฏิรูป ดำเนินการเลิกพรรคโดยถูกต้อง และมีสิทธิ์ในการย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ได้ตามรัฐธรรมนูญ

ด้านนายไพบูลย์ กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า ขอบคุณศาลที่วินิจฉัยในข้อกฎหมายที่ชัดเจน ทำให้ตนสบายใจขึ้นจากข้อครหาที่หลายฝ่ายกล่าวหา และขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ความยุติธรรมและความชัดเจนกับสังคม นอกจากนี้ในสัปดาห์หน้าตนได้เตรียมยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญา ในข้อหาหมิ่นประมาท กับ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย จากการให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งตนฟังรายละเอียดแล้วพบว่ามีถ้อยคำที่หมิ่นประมาทและทำให้สังคมเข้าใจผิด ส่วนประเด็นที่จะฟ้องอย่างเป็นทางการนั้นจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง และตนจะดำเนินการฟ้องคดีกับบุคคลที่กล่าวหาหมิ่นประมาทในลักษณะเดียวกันอีกด้วย

ขณะเดียวกันในวันนี้ศาลอุทธรณ์ ได้อ่านคำพิพากษาในคดีขัดขวางการเลือกตั้งเมื่อปี 2557 โดยพนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม , นายสกลธี ภัททิยกุล , นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และนายเสรี วงษ์มณฑา เป็นจำเลยที่ 1- 4 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ , มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ และข้อหาอื่น ๆ กรณีระหว่างปี 2556-2557 จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมชุมนุมกับกลุ่ม กปปส.ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นแกนนำขับไล่รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งมีการพาผู้ชุมนุมบุกรุกสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ
ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ผลสรุปว่า จำเลยที่ 1 คือนายสนธิญาณ ได้กระทำความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.เเละ สว. กรณีขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้าที่โรงเรียนสุโขทัย เขตดุสิต โดยตัดสินให้จำคุก 1 ปี แต่เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษเหลือจำคุก 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา พร้อมเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 5 ปี  ขณะที่ทนายฝ่ายจำเลยได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา  โดยศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยได้ โดยตีราคาประกัน 600,000 บาท

TOP การเมือง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ