เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 ราชกิจจานุเบกษา หน้า 53 เล่ม 139 ตอนพิเศษ 18 ง ลงวันที่ 25 มกราคม 2565 ลงประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 16) เป็นระยะเวลาอีก 2 เดือน จนสิ้นเดือนมีนาคม 2565
ระบุ ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 และได้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินคราวที่ 15 ออกไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2565 นั้น
ศบค. เคาะลดวันกักตัว “ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง” เหลือ 7 วัน
เช็กมาตรการผ่อนคลาย! ศบค.ปรับพื้นที่โซนสี-ดื่มเหล้าในร้านได้ถึง 5 ทุ่ม
เปิดลงทะเบียน Test&Go 1 ก.พ. 65 เข้าไทยได้ทุกประเทศ ตรวจเข้ม RT-PCR 2 ครั้ง
โดยที่โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ระบาดอย่างรุนแรงอีกรอบหนึ่งอันเป็นผลจากการที่ไวรัสดังกล่าวได้เกิดกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ที่มีการกลายพันธุ์ของโปรตีนบนส่วนหนามของไวรัสหลายตำแหน่ง ทำให้สามารถจับยึดเซลล์ของมนุษย์ได้มากขึ้น ทำให้เกิดการระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว ถึงแม้ประชากรส่วนใหญ่จะได้รับวัคซีนเบื้องต้นโดยครอบคลุมกลุ่มประชากรในประเทศตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดแล้ว แต่ผู้ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) ที่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ยังมีจำนวนไม่มาก แม้รัฐบาลจะได้ดำเนินการอย่างเข้มข้นเพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนดังกล่าวแล้วก็ตาม ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อความมั่นคงของระบบสาธารณสุขและต่อสุขภาพอนามัยและชีวิตของประชาชนหากเกิดการระบาดรุนแรงมากขึ้น
นอกจากนี้ ปรากฎปัญหาการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในบริเวณพื้นที่ชายแดนมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นจากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน และสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ยังเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคในประเทศอีกด้วย กรณีจึงจำเป็นที่จะต้องคงไว้ซึ่งมาตรการในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเพื่อธำรงไว้ซึ่งสุขภาพอนามัย ชีวิตประชาชน และความมั่นคง
ทางสาธารณสุขของชาติ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติเมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2565 จึงให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่ง สำหรั[ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปควบคู่กัน
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 จนถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565
ประกาศ ณ วันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2565
ลงนาม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 25 มกราคม 2565