วิเคราะห์จุดเด่นว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ศึกชิงผู้ว่าฯกทม.รอบนี้ถูกจับตามองมาก เพราะ นอกจากจะเป็นการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ในรอบ 8-9 ปี ยังถือเป็นปรากฎการณ์ใหม่ ที่ต่างจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา เพราะ ก่อนหน้านี้ เวลาชิงดำชิงแดง ก็จะมีแค่ 2-3 คน แต่รอบนี้ แต่ละขั้วการเมืองก็ต้องแข่งขันแย่งคะแนนกันเองด้วย ขณะที่การเดินหน้าหาเสียง ว่าที่ผู้สมัครแต่ละคนก็เดินหน้าเต็มที่ตั้งแต่ยังไม่ถึงวันรับสมัคร

การลงพื้นที่หาเสียงของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่า กทม. วันนี้ ( 29 มี.ค. 2565) ลงพื้นที่ พร้อม นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา รับฟังปัญหาจากผู้นำชุมชนเขตหนองจอก ชาวบ้านหลายคนสะท้อนปัญหา น้ำท่วมขังรอการระบาย การจัดเก็บขยะ การจราจรติดขัด ขาดแคลนระบบขนส่งมวลชน

ช่วงหนึ่งนายชัชชาติ บอกว่า ตัวเองมีแนวคิด จัด  “ผู้ว่าฯสัญจร” เดินทางไป 50 เขตเพื่อรับฟังปัญหา เพราะ เชื่อว่าแต่ละพื้นที่มีปัญหาต่างกัน

ฝาท่อ! ทำคนกรุงเสี่ยงตายกลางถนนรายวัน

เปิดสโลแกน 5 ว่าที่ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.

ส่วนการลงพื้นที่ของว่าที่ผู้สมัครอีกคน คือ นายสกลธี ภัททิยกุล ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.อิสระ วันนี้ ลงพื้นที่ซอยแจ้งวัฒนะ 14 พูดคุยกับกรรมการและรับฟังปัญหาประชาชนผู้อยู่อาศัยในชุมชน ถึงการจัดการระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ พร้อมยกตัวอย่างว่า การแก้ปัญหาเรื่องท่อระบายน้ำและถนนของกทม.ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะ ติดขัดเรื่องข้อบัญญัติ กทม. ที่ระบุว่า ต้องใช้เฉพาะพื้นที่สาธารณะ ทำให้ที่เอกชนที่เชื่อมต่อที่สาธารณะไม่ได้รับการดูแล และกระทบต่อกันเป็นลูกโซ่ นายสกลธี มองว่า ปัญหาเหล่านี้ต้องกล้าแก้ไขข้อบัญญัติ

สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ แม้ว่าจะยังไม่เปิดรับสมัครอย่างเป้นทางการ แต่ว่าที่ผู้สมัครแต่ละคนก็ชิงลงพื้นที่กันต่อเนื่อง รวมถึงล่าสุดเริ่มมีป้ายหาเสียงมาติดตั้งหลายพื้นที่แล้ว แน่นอนบางจุดเริ่มถูกวิพากย์วิจารณ์เรื่องความเหมาะสม โดยเฉพาะการตั้งป้ายบังวิสัยทัศน์

อีกหนึ่งประเด็นเรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. รอบนี้ที่ต้องจับตาดู คือ ที่ผ่านมา คู่ชิงดำชิงแดง จะมีแค่ 2 คน หรืออย่างมาก 3 คน แต่ครั้งนี้ กลายเป็น 2 ขั้วความคิดทางการเมือง

ในมุมมองของ รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยรามคำแหง ในฐานะที่ติดต่อการเมืองสนามกทม.มาอย่างยาวนาน  มองว่า การแข่งขันรอบนี้ เข้มข้นกว่า 2 ครั้งที่ผ่านมา เพราะไม่มีการเลือกตั้งมานานถึง 8 ปี ชาวกรุงเทพมีความกระหายที่จะ เลือกตัวแทนมาแก้ไขปัญหารวมถึง ผู้สมัครแบ่งออกเป็น 2 ขั้ว อุดมการณ์การทางการเมือง นายชัชชาติ สิทธิ์พันธ์ ,นายวิโรจน์ ลักษขณาอดิศร ,  น.ต.ศิธา ทิวารี อยู่ในกลุ่มเดียวกัน

นายชัชชาติ จุดเด่น คือ ความตั้งใจอย่างสม่ำเสมอ และประกาศตัวอยากเป็นผู้ว่ามา ก่อนว่าที่ผู้สมัครคนอื่น

ส่วนนายวิโรจน์จุดเด่ด คือ คะแนนเสียงจากคนรุ่นใหม่ และ อดีตพรรคอนาคตใหม่เคยทำสำเร็จมาแล้ว โดยได้คะแนนดิบจากการเลือกตั้ง ทั่วไปปี 2562 มาเป็นอันดับ รวมถึงนโยบายสะกิดใจคนรุ่นใหม่

ขณะที่ น.ต.ศิธา แม้ชื่ออาจจะไม่เป็นที่รู้จักมาก แต่ด้วยคะแนนนิยม ของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เชื่อว่าเป็นอีกจุดแข็งที่จะได้คะแนนจากคนกรุง

ในขั้วการเมือฝั่งนี้ อาจารย์สุขุม มองว่า นายชัชชาติเป็นต่อ เพราะเปิดตัวมาก่อนว่าที่ผู้สมัครคนอื่น แต่ซึ่งที่ต้องจับตา คือ การหาเสียงหลังจากนี้ จากนี้เพราะอาจจะมีการโจมตีจุดอ่อนของแต่ละคน

ส่วนอีกกลุ่มอุดมการณ์ทางการเมือง คือ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ , นายสกลธี ภัททิยกุล , พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อาจารย์สุขุม วิเคราะห์ว่า นายสุชัชวีร์ จุดได้เปรียบคือ คะแนนเสียงจาก ส.ก.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ทำพื้นที่มายาวนาน บวกกับ ความมั่นใจของเจ้าตัว ,

ส่วนนายสกลธี อาจจะได้ คะแนนจาก กลุ่ม กปปส. เพราะเคยมีบทบาทสำคัญในการชุมนุม ส่วน พล.ต.อ.อัศวิน จุดเด่นคือ การสร้างเครือข่าย คะแนนจัดตั้ง ในชื่อกลุ่มรักษ์กรุงเทพ

อาจารย์สุขุม ยังมองว่า ผลคะแนนเลือกตั้งครั้งนี้ บุคคลที่ได้เป็นผู้ว่า กทม. คะแนนจะอยู่ที่ 600,000 – 700,000 เพราะว่าที่ผู้สมัครแต่ละคน ล้วนมีจุดเด่น จุดด้อยต่างกัน ซึ่งถือเป็นทางเลือกให้ประชาชน

เอเชียนกมส์2022-B เอเชียนกมส์2022-B
TOP การเมือง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ